แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยปลอมโฉนดซึ่งเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา266(1)เป็นความผิดที่มีโทษจำคุกขั้นสูงถึงสิบปีพฤติการณ์ที่จำเลยปลอมโฉนดและนำโฉนดที่จำเลยปลอมไปหลอกลวงกู้เงินโจทก์ร่วมถึง600,000บาทนั้นมีลักษณะเป็นภัยร้ายแรงต่อโจทก์ร่วมและสุจริตชนโดยทั่วไปซึ่งมิใช่วิสัยของคนที่เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดมาเป็นเวลาถึง5ปีเช่นจำเลยจักพึงกระทำแม้จำเลยจะใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจจนโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกงไปแล้วก็มีผลเพียงแต่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาฉ้อโกงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)เท่านั้นแต่ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมซึ่งจำเลยกระทำนั้นหาได้ระงับไปด้วยไม่พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 266, 268, 341, 91, 32 ริบโฉนดของกลางให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 600,000 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1462/2538, 1463/2538, 1619/2538 และ3040/2538 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรบสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา นางบุญรวม เสนาดิสัย ผู้เสียหายยื่นคำร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต แล้วโจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกง ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีข้อหาดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(1), 268 ให้ลงโทษตามมาตรา268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1463/2538 หมายเลขแดงที่ 669/2538 และหมายเลขดำที่ 3040/2538 หมายเลขแดงที่ 869/2539 และหมายเลขดำที่1619/2539 หมายเลขแดงที่ 870/2539 ของศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง คดีในข้อหาดังกล่าวระงับ และศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1462/2538 จึงให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินและคำขอนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่1462/2538 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยปลอมโฉนดซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266(1) เป็นความผิดที่มีโทษจำคุกขั้นสูงถึงสิบปี พฤติการณ์ที่จำเลยปลอมโฉนดและนำโฉนดที่จำเลยปลอมไปหลอกลวงกู้เงินโจทก์ร่วมถึงจำนวน 600,000 บาทนั้น มีลักษณะเป็นภัยร้ายแรงต่อโจทก์ร่วมและสุจริตชนโดยทั่วไป ซึ่งมิใช่วิสัยของคนที่เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดมาเป็นเวลาถึง 5 ปี เช่นจำเลยจักพึงกระทำ แม้จำเลยจะใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจจนโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกงไปแล้ว ก็มีผลเพียงแต่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาฉ้อโกงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)เท่านั้น แต่ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมซึ่งจำเลยกระทำนั้นหากได้ระงับไปด้วยไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยนั้นชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน