คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะและจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้วจะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472, 535/2480)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
จำเลยให้การว่าได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงแต่เพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยตีผู้เสียหายฝ่ายเดียว พิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้องจำคุก ๖ ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา ๒๓ เพราะมีผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาแต่เพียงนายเดียวเท่านั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีโอกาสโดยบริบูรณ์ที่จะคัดค้านการที่ผู้พิพากษาได้ขึ้นนั่งพิจารณาคดีนี้โดยไม่ครบองค์คณะแล้วตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่ต่อหน้าจำเลยการที่จำเลยละเลยเสีย มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควรย่อมถือได้ว่าจำเลยได้สละสิทธินั้นแล้ว จำเลยเพิ่งมายกขึ้นโต้แย้งต่อเมื่อคดีได้ล่วงเลยมาจนถึงขั้นนี้ (ฎีกา) แล้วย่อมไม่ได้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๓๘/๒๔๗๒ และ ๕๓๕/๒๔๘๐
พิพากษายืน

Share