คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2550

แหล่งที่มา :

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 2,680 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 29.705 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ปรากฏว่า เมทแอมเฟตามีน 180 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้โจทก์จะนำสืบถึงรายงานการตรวจพิสูจน์ตามเอกสารหมาย จ. 1 ซึ่งระบุปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวไว้ แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในชั้นพิจารณามิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จึงนำมาประกอบคำฟ้องเพื่อเป็นองค์ประกอบความผิดในเหตุฉกรรจ์ที่จะทำให้จำเลยรับโทษหนักขึ้นหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 357 ริบของกลางทั้งหมด เว้นแต่ขอคืนธนบัตรจำนวน 2,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อ กับอาวุธปืนพกจำนวน 2 กระบอกของกลางแก่เจ้าของ ส่วนเงินสดจำนวน 10,860 บาท โจทก์จะได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 ต่อไป
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 25 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ลงโทษกรรมเดียว จำคุก 1 ปี คำรับชั้นจ้บกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุก 16 ปี 8 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 20 ปี 8 เดือน ให้ยกฟ้องข้อหารับของโจร ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง กระเป๋าผ้าสีดำ กระเป๋าพลาสติกสีแดง กระดาษตะกั่วและกระสุนปืนของกลาง คืนอาวุธปืนของกลาง 2 กระบอกกับธนบัตรจำนวน 2,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของ ส่วนที่โจทก์ขอริบซองหนังของกลางนั้น เห็นว่า ซองหนังดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดทำหรือมีไว้แล้วเป็นความผิดและไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดแต่อย่างใด จึงไม่ริบ ยกคำขอในส่วนนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ให้จำคุกในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี และปรับ 420,000 บาท ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 12 ปี และปรับ 420,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปี และปรับ 280,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนมีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่คู่ความไม่ฎีกาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 180 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 20 เม็ด และมีข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและยึดทรัพย์ตามบัญชีของกลางคดีอาญาเป็นของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,500 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานมีอาวุธปืนพกจำนวน 2 กระบอกไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกเฉลิมพงษ์ และดาบตำรวจสำรวย เจ้าพนักงานตำรวจที่ร่วมวางแผนตรวจค้นและจับกุมจำเลยเบิกความทำนองเดียวกันว่า ในวันเวลาเกิดเหตุพยานทั้งสองกับพวกร่วมกันให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนได้จากจำเลย และจับกุมจำเลยได้หน้าบ้านเกิดเหตุที่จำเลยพักอาศัยอยู่ เมื่อจำเลยนำตรวจค้นบ้านเกิดเหตุพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,500 เม็ด บรรจุถุงพลาสติกอยู่ในกระเป๋าพลาสติกสีแดงกับอาวุธปืนพกจำนวน 2 กระบอก พร้อมแม็กกาซีนและกระสุนปืน ซองปืนแบบพกในจำนวน 2 ซอง และกระดาษตะกั่วตัดแบ่งเป็นขนาดต่าง ๆ จำนวน 8 แผ่น อยู่ในตู้เสื้อผ้าที่ชั้นล่างบ้านเกิดเหตุ ยึดเป็นของกลาง จำเลยรับว่าเป็นของจำเลย โดยเมทแอมเฟตามีนมีไว้เพื่อจำหน่ายตามบันทึกการจับกุม กับมีพันตำรวจโทวิจิตร พนักงานสอบสวนเบิกความว่า ชั้นสอบสวนสำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำเลยให้การรับสารภาพกับนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพไว้ด้วยตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและภาพถ่าย จำเลยนำสืบว่าบ้านเกิดเหตุมีคนอยู่อาศัยหลายคนรวมทั้งนายอภิชาตบุตรชายจำเลยกับครอบครัวด้วย จำเลยไม่ได้กระทำความผิด จำเลยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนกับลงลายมือชื่อในเอกสารต่าง ๆ โดยไม่สมัครใจ ศาลฎีกาเห็นว่า ร้อยตำรวจเอกเฉลิมพงษ์พยานโจทก์เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่าที่บ้านเกิดเหตุพยานพบเด็กเล็ก 2 คนในบ้าน เด็กนั้นเดินและพูดได้บางคำ จำเลยบอกว่าเป็นหลานซึ่งเจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่ามีครอบครัวของนายอภิชาตบุตรชายจำเลยและน้องสาวจำเลยอาศัยอยู่ในบ้านเกิดเหตุ เมื่อพิจารณาประกอบภาพถ่ายบ้านเกิดเหตุ ที่เสื้อผ้าจำนวนมากรวมทั้งเสื้อผ้าเด็กแขวนอยู่ในบ้านโดยเฉพาะในตู้เสื้อผ้าที่เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,500 เม็ด และอาวุธปืนของกลางแล้ว เชื่อว่าบ้านเกิดเหตุมีคนอาศัยอยู่หลายคน และเห็นว่าตู้เสื้อผ้าที่พบของกลางดังกล่าวตั้งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งสภาพสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวไม่ใช่สถานที่หวงห้ามปิดบัง บุคคลในบ้านเกิดเหตุทุกคนเข้าไปถึงและสามารถใช้ตู้เสื้อผ้านั้นได้ จึงอาจมีบุคคลอื่นนำเมทแอมเฟตามีนและอาวุธปืนดังกล่าวไปเก็บซ่อนไว้ได้ เมื่อโจทก์คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและ ชั้นสอบสวนที่จำเลยกลับให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาในศาลอันเป็นผลให้คำให้การรับสารภาพดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ส่วนพยานหลักฐานอื่น ๆ ของโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,500 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีอาวุธปืนพกจำนวน 2 กระบอกไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาในส่วนนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 180 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าเมทแอมเฟตามีน 2,680 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 29.705 กรัม โดยไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีน 180 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้โจทก์นำสืบถึงรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในชั้นพิจารณานั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องจะนำมาประกอบคำฟ้องเป็นองค์ประกอบความผิดในเหตุฉกรรจ์ที่จะทำให้จำเลยรับโทษหนักขึ้นหาได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขและกำหนดโทษเสียใหม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี กระทงหนึ่ง โดยไม่ลงโทษปรับ และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี อีกกระทงหนึ่ง ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามเป็นจำคุก 4 ปี 8 เดือน และจำคุก 3 ปี 4 เดือน ตามลำดับ รวมจำคุก 7 ปี 12 เดือน คืนซองหนัง 2 ซองของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share