คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นตัวการปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องบรรยายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานสมรู้ในการปล้น และอ้างบทขอให้ลงโทษฐานสมรู้ ทางพิจารณาสามฟ้อง แม้จะได้ความต่อไปว่าจำเลยเป็นตัวการปล้นทรัพย์ด้วยก็ลงโทษฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ไม่ได้ เพราะเกินคำขอ แต่ลงโทษฐานสมรู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเจือกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์ และในขณะที่จำเลยกำลังทำการปล้นทรัพย์อยู่นั้น นายเริ่มจำเลยได้บังอาจกระทำการอุดหนุนโดยมีมีดเป็นสาตราวุธเดินตรวจตรารอบ ๆ บ้านเจ้าทรัพย์และตะโกนสนับสนุนให้คนร้ายอีกเหิมกระทำการองอาจยิ่งขึ้นว่า “ไอ้เสือเอาเข้า” เมื่อพวกเจ้าทรัพย์ออกจากบ้าน นายเริ่มจำเลยได้ออกติดตามจับ เป็นการกระทำอันอุปการแก่การกระทำผิด ขอให้ลงโทษจำเลยจำเลยตามประมวลกฎหมายลักษณอาญา ม.๓๐๑,๖๓,๖๕
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเจือกับพวกจำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์รายนี้ ส่วนนายเริ่มจำเลยนั้นโจทก์สืบได้ความว่าจำเลยถือมืดเดินอยู่รอบ ๆ โรง และไล่ฟันพวกเจ้าทรัพย์ที่หนีออกจากโรง ในขณะที่จำเลยอื่นกำลังให้ขวานตีเจ้าทรัพย์นายเริ่มแอบดูอยู่ข้างโรงพูดว่า ” เอาเข้าๆ ” แล้วกระโดดเข้ามาฟันเจ้าทรัพย์ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า นายเริ่มจำเลยมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์รายนี้ด้วย แต่ฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำของนายเริ่มจำเลยเพียงได้บังอาจทำการหนุนหลังผู้กระทำผิดซึ่งข้อเท็จจริงตามฟ้องก็ปรากฎตามทางพิจารณาสมฟ้องของโจทก์ ถึงหากจะได้ความว่านายเริ่มเป็นตัวการปล้นทรัพย์ก็ลงโทษได้เพียงฐานสมรู้ด้วยผู้กระทำผิดเท่าที่โจทก์กล่าวหาพิพากษาลงโทษจำเลยอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกนายเริ่มจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๓๐๑,๖๕ และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๔) มาตรา ๗ วรรคต้นมีกำหนด ๑๐ ปี

Share