แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยได้ที่พิพาทมาโดยการยกให้จากเจ้าของที่ดินเดิมเพื่อตอบแทนจำเลยที่ไม่ให้การซัดทอดความผิดในคดีอาญา ภริยาจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบ โดยเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของกระทั่งจำเลยพ้นโทษคดีอาญาและร่วมกันครอบครองที่พิพาทต่อมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาท โจทก์จดทะเบียนรับโอนที่พิพาทโดยการยกให้โดยเสน่หา จำเลยจึงยกกรรมสิทธิ์ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดงอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โดยได้รับโอนจากนายพงษ์ศักดิ์ นวนพรัตน์สกุลเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2523 แล้วให้จำเลยได้อาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินของโจทก์ด้านทิศตะวันออก เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ต่อมาโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมออก ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดงอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย
จำเลยให้การว่า นางไล้ นายเฮงหรือเจริญ นวนพรัตน์สกุล และนายนพดล นวนพรัตน์สกุล ซึ่งเป็นย่าและอาของโจทก์ตามลำดับเป็นผู้ยกที่ดินให้แก่จำเลยเมื่อประมาณกลางปี 2514 ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยต้องมาร่วมรับเคราะห์กับนายเฮงและนายนพดลในคดีที่ต้องหาร่วมกันว่าจ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นแล้วจำเลยถูกจับกุม โดยบุคคลทั้งสามดังกล่าวร่วมกันชี้แนวเขตและปักหลักเขตที่ดินที่ยกให้แก่นางสุชาติ มีศิริ ภรรยาของจำเลย แล้วนางสุชาติเข้าครอบครองปลูกบ้านเรือนอาศัย ปลูกต้นไม้และทำสวนในปีเดียวกันนั้นด้วยความสงบ โดยเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา จนกระทั่งปี 2522 จำเลยพ้นโทษจำเลยเข้าครอบครองร่วมกับภรรยาตลอดมารวมกันเกิน 10 ปีแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดโต้แย้ง จำเลยได้ทวงให้นายนพดลโอนที่ดินดังกล่าวให้แต่นายนพดลโอนให้บิดาโจทก์แล้วบิดาโจทก์โอนให้โจทก์เป็นการร่วมกันฉ้อโกง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง และให้ส่งมอบที่ดินโจทก์ในสภาพเรียบร้อย โดยห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องที่ดินดังกล่าวต่อไป
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พยานจำเลยมีเหตุผลแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้คุ้มครองนายเจริญและเฮง เมื่อนายเจริญกับนายวิสูตร มีข้อขัดแย้งกันในทางการค้าและเมื่อนายวิสูตรถูกยิงได้กล่าวก่อนตายไว้ว่า ลูกน้องไอ้เฮงลูกนายหริเป็นผู้ยิง นายเจริญนางไล้และนายนพดลจึงต้องเอาใจใส่ดูแลจำเลยในเรือนจำและภรรยากับลูกของจำเลยเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้จำเลยให้การซัดทอดบุคคลดังกล่าวที่จำเลยกับนางสุชาติเบิกความตรงคำกันว่า นายนพดลยกให้ที่ดินพิพาทเพื่อให้ปลูกบ้านอยู่อาศัยและทำกินจึงน่าจะมีมูลมาจากเหตุนายวิสูตรถูกยิงตาย จำเลยเชื่อถือคำของนายนพดลจึงมอบอำนาจให้นางสุชาติไปรับโอนที่ดินตามภาพถ่ายใบมอบอำนาจ เอกสารหมาย ล.4นางสุชาติปลูกบ้านอย่างมั่นคงถาวรโดยกำหนดพื้นที่เอาเอง ตอกหลักเสาหินไว้เป็นเขตและได้ปลูกไม้ยืนต้นไว้ตรงตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 26 ตุลาคม 2530ที่ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบและบันทึกไว้ การที่จำเลย นางสุชาติ นายคำนึงให้การชั้นสอบสวนตามคำให้การ เอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 ว่า เช่าที่ดินพิพาทจากนายเจริญหรือเฮง ก็เพราะเหตุที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพยานพฤติเหตุแวดล้อมว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของนายเจริญหรือเฮง นายเจริญให้เงินและทรัพย์สินแก่จำเลยผิดลูกจ้างธรรมดาเพื่อให้สอดคล้องกับคำกล่าวของนายวิสูตร ผู้ตาย ดังนั้น การที่จำเลย นางสุชาติ นายคำนึงให้การว่าจำเลยเช่าที่ดินจากนายเจริญหรือเฮงเป็นเรื่องที่จำเลยกับพวกให้การเพื่อไม่ให้คดีดังกล่าวพัวพันมาถึงนายเจริญกับนายนพดล คำให้การในคดีอาญาดังกล่าว จึงไม่ทำให้คำของจำเลย นางสุชาติและนายคำนึงในคดีนี้เป็นพิรุธไม่น่าเชื่อถือแต่ประการใด นอกจากนี้นายนพดลพยานโจทก์ก็ให้การเจือสมคำของจำเลยที่ให้จำเลยเลือกที่ปลูกบ้านได้เองอย่างเจ้าของ ส่วนนายคำรณกับนายตี๋ก็เป็นพยานคนกลางเบิกความตามที่รู้เห็น เชื่อได้ว่าพยานจำเลยเบิกความตามจริง พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักมั่นคงมากกว่าพยานโจทก์ซึ่งเบิกความลอย ๆไม่มีเหตุผล ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายเจริญ นางไล้และนายนพดลได้ยกที่ดินพิพาทให้จำเลย นางสุชาติภรรยาจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบ โดยเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี 2514 เมื่อจำเลยพ้นโทษปี 2522 จำเลยกับนางสุชาติครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาตลอดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่า 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 การที่นายนพดลยกให้นายพงษ์ศักดิ์ และนายพงษ์ศักดิ์ยกให้โจทก์โดยเสน่หา จำเลยย่อมยกกรรมสิทธิ์ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน