แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าจำเลยได้จัดสร้างที่จอดรถอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาแบ่งที่ดินแล้วการที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยเพื่อทำที่จอดรถ จำเลยมิได้ดำเนินการให้เสร็จตามเงื่อนไข โจทก์บอกกล่าวแต่จำเลยเพิกเฉยจึงเป็นการผิดเงื่อนไขต้องคืนที่ดินให้โจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคแรก โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยเพื่อให้สร้างตลาดสดแต่จำเลยยังไม่สามารถจะสร้างได้เพราะไม่มีงบประมาณและยังคงตั้งใจจะทำการก่อสร้างต่อไป โดยจำเลยมิได้นำที่ดินดังกล่าวไปทำอย่างอื่นอันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของโจทก์ เมื่อในสัญญาแบ่งที่ดินให้ ไม่ได้กำหนดเวลาให้จำเลยสร้างตลาดสดภายในเวลาเท่าใด การที่จำเลยรอการก่อสร้างไว้เพราะยังไม่มีงบประมาณ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 97 ของโจทก์ให้แก่จำเลย 2 แปลง แปลงแรกคือที่ดินโฉนดเลขที่ 156 โดยมีเงื่อนไขว่า ให้จำเลยทำเป็นตลาดสด แปลงที่สองคือที่ดินโฉนดเลขที่ 162 มีเงื่อนไขให้ทำเป็นที่จอดรถ จำเลยได้รับที่ดินแล้วไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทำกับโจทก์และได้ผัดผ่อนเวลาก่อสร้างตลอดมาโดยอ้างเหตุว่าไม่มีงบประมาณ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยคืนที่ดินทั้งสองแปลงแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 156 และ 162 คืนโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ทำสัญญาแบ่งที่ดินให้จำเลย เพื่อให้ที่ดินของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงมีราคาสูงขึ้นและไม่มีเงื่อนไขว่าหากไม่สร้างตลาดสดและที่จอดรถแล้วให้เรียกคืนได้ จำเลยได้สร้างถนนและที่จอดรถในที่ดินโจทก์ตรงตามวัตถุประสงค์แล้ว เมื่อไม่มีรถมาจอดเป็นเหตุสุดวิสัยและปัจจุบันที่ดินตามฟ้องเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งให้ที่ดิน 2 แปลง ให้จำเลยโดยไม่คิดค่าตอบแทนเพื่อต้องการให้สร้างที่จอดรถ 1 แปลง ตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.3 และหนังสือสัญญาแบ่งให้ที่ดินเอกสารหมาย จ.4 และตลาดสดอีก 1 แปลง ตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.5 และหนังสือสัญญาแบ่งให้ที่ดินเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 แต่ไม่มีรถโดยสารคันใดเข้าไปจอดส่วนตลาดสดยังไม่ได้สร้างในที่ดินที่ได้รับยกให้ตามเอกสารหมายจ.5 และ จ.6 เนื่องจากจำเลยยังไม่มีงบประมาณในการก่อสร้างและจำเลยตั้งใจจะสร้างตลาดสดต่อไป ต่อมาปี 2530 โจทก์ได้เรียกที่ดินคืน เพราะเห็นว่าจำเลยไม่ก่อสร้างที่จอดรถและตลาดสด
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกเกี่ยวกับที่ดินที่ยกให้ตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 โจทก์ฎีกาว่า เมื่อโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยเพื่อทำที่จอดรถ จำเลยมิได้ดำเนินการให้เสร็จตามเงื่อนไขโจทก์ได้บอกกล่าว แต่จำเลยเพิกเฉย จึงเป็นการผิดเงื่อนไข ต้องคืนที่ดินให้โจทก์นั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้จัดสร้างที่จอดรถอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาแบ่งที่ดินตามเอกสารหมาย จ.4 แล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นอันยุติ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 248 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเนื่องจากทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาโจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยเป็นยุติดังกล่าวข้างต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาประการที่สองเกี่ยวกับที่ดินที่ยกให้ตามเอกสารหมาย จ.5และ จ.6 เห็นว่า โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยเพื่อต้องการให้สร้างตลาดสดจำเลยยังไม่สามารถจะสร้างตลาดสดได้เพราะไม่มีงบประมาณในการก่อสร้าง และยังตั้งใจจะทำการก่อสร้างตลาดสดต่อไป ตั้งแต่ได้รับการยกให้จำเลยก็มิได้นำที่ดินที่ได้รับการยกให้ไปทำอย่างอื่น อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของโจทก์แต่ประการใดในสัญญาแบ่งให้ที่ดินตามเอกสารหมาย จ.6 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายที่ว่าที่ดินที่ยกให้ไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น เห็นว่าที่ดินที่ยกให้จะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยประเด็นนี้
พิพากษายืน