แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ซึ่งเป็นคดีหลัง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกและบวกโทษจำเลยที่ 4 ตามคำขอท้ายฟ้อง แต่บวกโทษผิดพลาด โดยนำโทษจำคุก3 เดือน ของจำเลยอื่นในคดีก่อนมาบวกโทษแทน แต่เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องถือว่าโจทก์พอใจในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่อาจนำโทษจำคุก 1 ปี 5 เดือน ของจำเลยที่ 4ในคดีก่อนที่ถูกต้องมาบวกได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 285, 83 และบวกโทษจำคุก 3 เดือนของจำเลยที่ 3โทษจำคุก 1 ปี 5 เดือน ของจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 3 ที่ 4 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ และยังอยู่ในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง จำคุก 15 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 10 ปี กับให้บวกโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษคดีนี้รวมจำคุก 10 ปี 3 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 4 กระทำผิดตามฟ้องและวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 4 ตามฟ้องนั้น เห็นว่าคดีนี้แม้ศาลชั้นต้นบวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ผิดพลาดโดยนำโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอไว้ของจำเลยที่ 3 มาบวกโทษแทนแต่เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องถือว่าโจทก์พอใจในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่อาจที่จะนำโทษจำคุก 1 ปี 5 เดือนที่ถูกต้องมาบวกได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 4
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีจำเลยที่ 4 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1