แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ถือว่าคำแจ้งความของจำเลยไม่มีลัษณะอันอาจสามารถเสีย-หายแก่โจทก์หรือแก่สาธารณชนได้คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
อ้างฎีกาที่ 423/2478
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จในคดีที่โจทก์ถูกอัยยการฟ้องหาว่าทำการกีดขวางทางสาธารณ โดยกล่าวว่าเหมืองที่โจทก์ทำการกีดขวางนั้นทางการได้ประกาศหวงห้ามกำหนดเขต์ตไว้เพื่อสาธารณประโยชน์แล้ว อันเป็นความเท็จ
ศาลขั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่ารวมความสำคัญที่จำเลยแจ้งความต่ออำเภอก็แต่เพียงว่าโจทก์ทำการกีดขวางทางสาธารณะซึ่งเป็นความจริง ส่วนคำแจ้งความของจำเลยที่ว่าอำเภอได้ประกาศเหมืองรายพิพาทเป็นทางสาธารณด้วยนั้นไม่มีลักษณอันอาจสามารถเสียหายแก่โจทก์หรือสาธารณชน เพราะอำเภอประกาศหรือไม่ก็ไม่ทำให้โจทก์ต้องถูกฟ้องเพิ่มขึ้นอีก ที่เจ้าพนักงานฟ้องโจทก์ในฐานความผิดดังกล่าวนั้นเป็นการใช้ดุลยพินิจในการฟ้องความ หาใช่อาศัยคำให้การของจำเลยตอนนี้ไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในดุลยพินิจนั้น ส่วนที่ว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อเท็จจริง ตามนัยฎีกาที่ ๔๒๓/๒๔๗๘ และศาลล่างทั้ง ๒ ฟังว่าคำเบิกความที่ว่าเป็นเท็จไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี คดีโจทก์จึงไม่มีมูลว่าจำเลยกระทำผิด ศาลล่างปรึกษามาชอบแล้ว ยืนตาม.