คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา หมายเรียกจำเลยมาศาลและให้การแก้คดี แต่จำเลยไม่มาตามนัดศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับและให้จำหน่ายคดีชั่วคราว การที่โจทก์ยื่นคำร้องว่าหมายจับคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงเกี่ยวกับวันเริ่มต้นนับอายุความศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ปฏิเสธการจ่ายหลังสุด ให้เพิกถอนหมายจับเดิมแล้วออกหมายจับจำเลยใหม่โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลเรื่องการออกหมายจับเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจึงไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว ไม่ใช่เป็นคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยเด็ดขาดเมื่อโจทก์อุทธรณ์คำสั่งใด ๆ ของศาลชั้นต้นในระหว่างนี้เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาได้อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาหมายเรียกจำเลยทั้งสองมาศาลและให้การแก้คดีแต่จำเลยทั้งสองไม่มาตามนัด ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับและให้จำหน่ายคดีชั่วคราว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า หมายจับคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงเกี่ยวกับวันเริ่มต้นนับอายุความ ซึ่งน่าจะเริ่มนับแต่วันที่ศาลสั่งงดการพิจารณาคดีและออกหมายจับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 วรรคแรกอายุความให้เริ่มนับแต่วันกระทำผิด และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ควันปฏิเสธการจ่ายเงินถือว่าเป็นวันกระทำผิดเช็คพิพาทมี 3 ฉบับ อายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ปฏิเสธการจ่ายหลังสุด คำร้องของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วนจึงให้เพิกถอนหมายจับเดิมแล้วออกหมายจับจำเลยทั้งสองใหม่ โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลเรื่องการออกหมายจับเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว ไม่ใช่เป็นคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยเด็ดขาด เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำสั่งใด ๆ ของศาลชั้นต้นในระหว่างนี้ จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์เป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลนั้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดร้องนั้นแล้วมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์คำสั่งนี้ให้เป็นที่สุด ตามนับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 198 ทวิ คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาได้อีกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share