คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ขอซื้อรถยนต์จากโจทก์โดยระบบเช่าซื้อ จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินมัดจำโดยสั่งจ่ายเช็คฉบับละ 5,000 บาทหลายฉบับ ต่อมาได้สั่งจ่ายเช็คอีก 2 ฉบับ มอบให้โจทก์แทนเช็คฉบับก่อน เช็ค 2 ฉบับนี้จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ลงนามเป็นผู้สั่งจ่ายแทนจำเลยที่ 1. ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ต้องจ่ายเงินค่าประกันรถที่เช่าซื้อจากโจทก์คันละ 5,000 บาทให้โจทก์เป็นผู้ไปประกันแล้วเอาสัญญาประกันภัยมามอบให้จำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 จึงจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไป 6 ฉบับๆ ละ 5,000 บาท โจทก์นำเช็ค 4 ฉบับเบิกเงินจากธนาคารไปแล้ว แต่ไม่นำสัญญาประกันภัยมาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่นำเงินเข้าบัญชีจำเลยที่ 1 จึงถูกตำรวจเรียกตัวไป แต่ตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 2 จ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็ค 2 ฉบับอีก 6,000 บาทจะจ่ายภายใน 3 วัน โจทก์มิได้ประกันภัยและนำสัญญาประกันภัยรถยนต์มาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ฟ้องแย้ง ขอให้โจทก์คืนเงิน 24,000 บาท เงิน 24,000 บาทที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งเรียกคืนนี้ เป็นเงินที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าเนื่องจากจำเลยที่ 2 จ่ายเป็นเช็คให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถไปจากโจทก์ โดยเป็นเงินที่จำเลยที่ 2 จ่ายเป็นค่าประกันภัยรถที่เช่าซื้อจากโจทก์ คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ได้ขอซื้อรถยนต์โตโยต้าคราวน์ 3 คันจากโจทก์โดยระบบเช่าซื้อ จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินมัดจำรถยนต์คันละ 25,000 บาทให้โจทก์ โดยสั่งจ่ายเป็นเช็คฉบับละ 5,000 บาทหลายฉบับ ต่อมาได้สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 065894 และ 065895 ฉบับละ 5,000 บาท มอบให้โจทก์แทนเช็คฉบับก่อน เช็คสองฉบับนี้จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ลงนามเป็นผู้สั่งจ่ายแทนจำเลยที่ 1 ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ต้องจ่ายเงินค่าประกันภัยรถที่เช่าซื้อจากโจทก์คันละ 5,000 บาท ให้โจทก์เป็นผู้ไปประกัน แล้วจะเอาสัญญาประกันภัยมามอบให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไป 6 ฉบับ ๆ ละ 5,000 บาท โจทก์นำเช็ค 4 ฉบับเบิกเงินจากธนาคารไปแล้ว แต่ไม่นำสัญญาประกันภัยมาให้จำเลยที่ 2 ตามข้อตกลง จำเลยที่ 2 จึงไม่นำเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 จำเลยถูกตำรวจเรียกตัวไป แต่ตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 2 จ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คสองฉบับนั้น 4,000 บาท อีก 6,000 บาท จะจ่ายให้ภายใน 3 วัน โจทก์มิได้ประกันภัยและส่งมอบสัญญาประกันภัยรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงิน 24,000 บาท ให้จำเลยที่ 2

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวแก่ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นเรื่องประกันภัย ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมไม่รับคำฟ้องแย้ง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า ฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ขอให้รับคำฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า เงิน 24,000 บาทที่จำเลยฟ้องแย้งเรียกคืนนี้เป็นเงินที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า เนื่องมาจากจำเลยที่ 2 จ่ายเป็นเช็คให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถไปจากโจทก์ โดยเป็นเงินที่จำเลยที่ 2 จ่ายเป็นค่าประกันภัยรถที่เช่าซื้อจากโจทก์คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม

พิพากษาว่า ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา

Share