แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจเห็นคนร้ายซึ่งเป็นพวกของจำเลยกำลังยื้อแย่งกระเป๋าถือจากผู้เสียหาย จึงวิ่งเข้าไปบอกให้หยุดพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด กระเป๋าตกลงกับพื้นแล้วผู้เสียหายเอาคืนไปการที่กระเป๋าตกลงกับพื้นก็เพราะเสียงของเจ้าพนักงานตำรวจร้องบอกให้หยุดยื้อแย่งและเพราะผู้เสียหายกับคนร้ายตกใจเสียงปืน คนร้ายยังไม่ได้กระเป๋าไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับพวกจึงมีความผิดเพียงพยายามปล้นทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 3 คนได้ร่วมกันปล้นเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยมีอาวุธและใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 340, 340 ตรี
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 ลงโทษจำคุก 21 ปี และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 340, 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2504 ข้อ 14, 15 ลงโทษจำคุก 14 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นความผิดสำเร็จฐานปล้นทรัพย์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกอีก 3 คนได้ร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นยานพาหนะเข้าทำการแย่งชิงกระเป๋าถือบรรจุทรัพย์ของผู้เสียหาย 2 คน โดยจำเลยกับคนร้ายคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ติดเครื่องรออยู่ ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ซึ่งอาวุธปืนคนหนึ่ง และมีมีดคนหนึ่งเข้าไปแย่งชิงกระเป๋าถือของผู้เสียหายทั้งสอง ขณะเกิดเหตุแย่งชิงอยู่นั้น สิบตำรวจโทสมพงษ์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้าไปบอกให้หยุดและยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด กระเป๋าถือของผู้เสียหายคนหนึ่งตกลงกับพื้น ผู้เสียหายเก็บคืนมาได้ คนร้ายซึ่งเป็นพวกของจำเลยหนีไปได้ เห็นว่า การที่กระเป๋าตกลงพื้นเพราะเสียงสิบตำรวจโทสมพงษ์ร้องบอกให้หยุดยื้อแย่งและเพราะผู้เสียหายกับคนร้ายตกใจเสียงปืน คนร้ายยังไม่ได้กระเป๋าไป การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดเพียงพยายามปล้นทรัพย์เท่านั้น
พิพากษายืน