แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำปรารภที่ว่าจะยกทรัพย์อะไรให้นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเปนการให้เด็ดขาด ผู้ที่ควรได้รับมฤดกปกครองทรัพย์มาด้วยกัน จะยกอายุความมฤดก 1 ปีมาใช้ไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า ล.บุตรี ส.ได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันกับ ท.ที่เรือนของ ส.เกิดบุตร์ด้วยกัน ๑ คน คือโจทก์ แล้ว ล.ตาย ต่อมา ส.ตายลงอีก ท.กับโจทก์ก็อยู่ที่เรือนนั้นต่อมา ครั้นจะรื้อไปปลูกที่อื่นพวกจำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลลังคับอย่าให้จำเลยขัดขวาง โดยกล่าวว่าเรือนหลังนี้ ส.ได้ยกให้โจทก์แล้ว
ศาลเดิมเห็นว่าโจทก์อยู่โดยอาศัย เมื่อ ส.ตายเรือนรายนี้ต้องเปนมฤดกของ ส. จึงตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ท.บิดาโจทก์แลตัวโจทก์ได้ปกครองมาฝ่ายเดียวเกิน ๑ ปีแล้วย่อมมีอำนาจแลสิทธิตามกฎหมาย จึงตัดสินห้ามไม่ให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์จะรื้อเรือนไป
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำที่ ส.กล่าวในเวลาที่ ล.มารดาโจทก์จะตายว่า อย่าห่วงโจทก์เลยจะยกเรือนให้นั้น เปนแต่คำปรารภเท่านั้นหาเปนสิทธิขาดไม่ ส่วนข้อที่ศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์ปกครองเรือนหลังนี้มาเกินปีนั้น ก็ได้ความว่าโจทก์แลจำเลยผู้มีส่วนได้มฤดกด้วยกันได้อยู่ในบ้าน ส.รวมกันมา จะฟังว่าโจทก์ปกครองมฤดกเปนส่วนเปนลัดไม่ได้ ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย