แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บันทึกการหักหนี้และโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้เป็นสัญญาชำระหนี้ โดยการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ เข้าลักษณะนิติกรรมที่จะต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299เมื่อมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ การโอนจึงถือว่าไม่บริบูรณ์ กรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาทยังเป็นของจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงนำยึดห้องแถวพิพาทได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ชนะคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องร้องว่า ห้องแถวไม้ชั้นเดียว 2 ห้อง เลขที่ 16 ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย เดิมจำเลยกู้เงินผู้ร้องไป 60,000 บาท ถึงกำหนดจำเลยไม่มีเงินชำระหนี้ จึงได้โอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง เป็นการหักหนี้หรือชำระหนี้
โจทก์ให้การว่า ห้องแถวเลขที่ 16 ที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย ที่ผู้ร้องอ้างว่า จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทให้ผู้ร้องชำระหนี้เงินกู้นั้น การโอนไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บันทึกการหักหนี้และโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทตามเอกสารหมาย ร.2 ที่ผู้ร้องอ้าง เป็นสัญญาชำระหนี้โดยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก บันทึกการโอนห้องแถวพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ จึงเข้าลักษณะนิติกรรมโอนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 1299 ดังกล่าวคือจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อจำเลยและผู้ร้องทำบันทึกการโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทรายนี้เป็นหนังสือ แต่มิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทจึงถือว่าไม่บริบูรณ์ ผลก็คือว่ากรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาทยังเป็นของจำเลยและไม่ได้โอนไปสู่ผู้ร้อง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงนำยึดห้องแถวพิพาทได้
พิพากษายืน