คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอให้คุ้มครองก่อนพิพากษานั้น ศาลอาจสั่งให้ยึดหรืออายัดได้ทั้งสองอย่าง
เมื่อศาลสั่งยึดทรัพย์แล้วย่อมครอบถึงดอกผลนิตินัยด้วยเช่น ค่าเช่าเป็นต้น
เมื่อศาลสั่งยึดทรัพย์แล้วศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้เช่าส่งค่าเช่าให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้โดยไม่ต้องดำเนินการไต่สวนอีก
คำสั่งของศาลที่ให้ทรัพย์ทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมเป็นเรื่องยึดทรัพย์ ถ้าห้ามมิให้คนภายนอก ทำการโอน หรือชำระหนี้ ก็เป็นการอายัด
เมื่อลักษณะของคำสั่งเป็นกรณีเรื่องใดแล้ว แม้จะเรียกชื่อคลาดเคลื่อนไป ก็ไม่สำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและยื่นคำร้องขออายัดทรัพย์มรดกที่อยู่ในมือจำเลยทั้งหมดมาไว้ในความรักษาของเจ้าพนักงานบังคับคดี

ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไต่สวนแล้ว อนุญาตให้อายัดตามขอ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ปรากฏว่าอายัดค่าเช่า และการอายัดค่าเช่าไม่เคยมีการไต่สวนแต่ศาลออกหมายอายัดถึงผู้เช่า จึงให้เพิกถอนหมายนี้

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ศาลชั้นต้นสั่งว่าให้อายัดทรัพย์มรดกตามโจทก์ฟ้องตามบัญชีท้ายฟ้องและตกอยู่ในมือจำเลยทั้งหมดไว้ในความรักษาของเจ้าพนักงานบังคับคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงส่งบัญชีรายชื่อผู้เช่าห้องแถวมรดกที่ถูกยึด ศาลได้ออกหมายอายัดไปยังผู้เช่า ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นลักษณะของการยึด คือเอาทรัพย์มาไว้ในความดูแลรักษาของเจ้าพนักงานส่วนการอายัดเป็นเรื่องสั่งบุคคลภายนอกมิให้ทำการโอนหรือชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ในคดีการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ก็ให้ทำได้ทั้งยึดและอายัด การยึดย่อมครอบครองถึงอุปกรณ์และดอกผลนิตินัยของอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย ไม่จำต้องไต่สวนเรื่องค่าเช่าอีกแม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่า ยึดทรัพย์หรืออายัดคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ไม่สำคัญ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น

Share