คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

รู้เห็นเป็นใจไม่จำต้องร่วมกระทำผิดในที่เกิดเหตุ ผู้ร้องซึ่งขอเรือของกลางคืน รู้ว่าผู้เช่าใช้เรือจับปลาในแม่น้ำเป็นความผิด แต่ไม่ห้ามหรือหาทางเลิกสัญญาเช่า ก็เป็นการรู้เห็นเป็นใจ ขอเรือที่ศาลริบคืนไม่ได้

ย่อยาว

ศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการประมง ผู้ร้องร้องขอคืนเรือของกลางกับเครื่องยนต์ อวนรุน ไม้ดันรุนที่ศาลพิพากษาริบ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้อง ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ของกลางในคดีนี้ คือเรือ 1 ลำ อวนรุน 1 ปาก และไม้ดันรุน 1 คู่เป็นของผู้ร้อง มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ ได้พิเคราะห์แล้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่าตามปกติผู้ร้องใช้เรือของกลางบรรทุกส้ม มะพร้าวไปขายในตลาดบ้านดอน บางครั้งก็ใช้ลากอวนในทะเล และต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2520 จึงได้ให้นายชอบจำเลยเช่าไปหากุ้ง ปลาในทะเล โดยผู้ร้องไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่านายชอบ จำเลยเอาเรือไปใช้จับปลาในลำน้ำ ถ้าผู้ร้องทราบว่านายชอบจำเลยจะเอาเรือไปจับกุ้งปลาในแม่น้ำ ผู้ร้องก็จะไม่ยอมให้เช่านั้น แสดงอยู่แล้วว่าผู้ร้องทราบว่าการจับกุ้งปลาในแม่น้ำเป็นความผิด ศาลฎีกาเห็นว่าพยานของผู้ร้องเบิกความขัดแย้งกันเองและไม่ชอบด้วยเหตุผล กล่าวคือ ผู้ร้องเบิกความว่าการเช่านั้นมีสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือ โดยมีนางอุไรภรรยาผู้ร้องลงชื่อเป็นพยาน แต่ผู้ร้องก็มิได้อ้างหนังสือสัญญาเช่ารวมทั้งนางอุไรมาเป็นพยานแต่อย่างใด และที่ผู้ร้องอ้างนายเจียมว่ารู้เห็นในการเช่าครั้งนี้ด้วย นายเจียมก็เบิกความแต่เพียงว่าผู้ร้องเป็นผู้บอกพยานว่าให้เช่าเรือไปเท่านั้น ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่าได้อ้างนายเจียม ผู้ใหญ่บ้านมาเป็นพยานยืนยันว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำผิดของจำเลยนั้น ได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่านายเจียมเบิกความว่าบ้านผู้ร้องอยู่ห่างจากพยานประมาณ 4 เส้นเศษ ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน2520 ผู้ร้องอยู่ที่บ้านของเขาเท่านั้น ซึ่งก็มิได้เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดด้วยในครั้งนี้ เพราะการรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้นไม่จำเป็นต้องไปอยู่ร่วมกระทำความผิดในที่เกิดเหตุด้วย ยิ่งกว่านั้นการที่ผู้ร้องให้นายชอบ จำเลยใช้เรือถึง 2 เดือนเศษจึงถูกจับ ผู้ร้องก็น่าจะทราบบ้างว่านายชอบจำเลยใช้เรือไปจับกุ้ง ปลาที่ไหนบ้าง เพราะตามปกติผู้ใช้ทรัพย์สินในการประกอบอาชีพนั้นย่อมใช้ในลักษณะที่เคยชินซ้ำกันอยู่เสมอ และนายชอบจำเลยก็อาจจะได้ใช้จับปลาในแม่น้ำมาก่อนด้วย ไม่ใช่เพิ่งมากระทำการจับปลาในแม่น้ำเฉพาะในวันที่ถูกจับเท่านั้น ซึ่งผู้ร้องก็น่าจะได้ห้ามปรามหรือหาทางเลิกสัญญาเช่าเสียแต่เนิ่น ๆ แต่ผู้ร้องก็หาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่”

พิพากษายืน

Share