คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนโจทก์ว่าได้รับการเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกันนำข้อร้องเรียนเดิมก่อนมีการประกาศผลการเลือกตั้งซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยไปแล้วกลับมาวินิจฉัยใหม่อีก โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบเพื่อให้โจทก์ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐาน โจทก์มิได้บรรยายฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 มีความเห็นตามรายงานความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีไปโดยที่ยังมิได้แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบเพื่อให้โจทก์ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐาน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 นำข้อเท็จจริงที่ไม่ได้กล่าวมาในฟ้อง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณามาพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จึงเป็นการพิพากษาในข้อที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ตามลำดับ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาตรา 24, 42 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 115
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า สำนวนแรกคดีมีมูลเฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 115 ให้ประทับฟ้องในข้อหาดังกล่าวส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง สำนวนหลังให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 115 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 115 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 มีกำหนดคนละสิบปี
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 7 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 7 จากสารบบความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 หรือไม่ คดีนี้ตามคำฟ้องโจทก์กล่าวหาจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนโจทก์ว่าได้รับการเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกันนำข้อร้องเรียนเดิมก่อนมีการประกาศผลการเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยไปแล้วกลับมาวินิจฉัยใหม่ โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบเพื่อให้โจทก์ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานโดยมิชอบเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 มีความเห็นตามรายงานความเห็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีไปโดยที่ยังมิได้แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานไปโดยไม่ชอบ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 นำข้อเท็จจริงที่ไม่ได้กล่าวมาในฟ้อง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณามาพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จึงเป็นการพิพากษาในข้อที่มิได้กล่าวมาในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งย่อมเป็นการไม่ชอบ ส่วนที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 นำข้อร้องเรียนเดิมก่อนมีการประกาศผลการเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำวินิจฉัยไปแล้วกลับมาวินิจฉัยใหม่โดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์แสดงพยานหลักฐานเพื่อหักล้างเป็นการมิชอบนั้นข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า นายสมชายมาร้องเรียนกล่าวหาว่าโจทก์ได้รับเลือกตั้งโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรมหลังจากมีการนับคะแนนเลือกตั้งแล้ว ส่วนประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี (บางส่วน) คณะกรรมการการเลือกตั้งคงแต่ประกาศผลการเลือกตั้งบางส่วนเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ไม่มีการร้องเรียน อันเป็นการแสดงว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี (บางส่วน) เป็นเพียงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เฉพาะส่วนที่ไม่มีการร้องเรียนก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำวินิจฉัยสั่งการที่ 526/2547 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโจทก์เป็นเวลาหนึ่งปี ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ใหม่ โจทก์เพียงแต่นำสืบว่ามีการประกาศผลการเลือกตั้งให้โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอศรีมหาโพธิแล้ว ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของโจทก์เป็นเวลาหนึ่งปีและให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยโจทก์มิได้นำสืบว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งให้โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอศรีมหาโพธิ นั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้นำข้อร้องเรียนของนายสมชายมาพิจารณาแล้วประกาศผลการเลือกตั้งให้โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอศรีมหาโพธิ ตามที่ได้บรรยายฟ้องแต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏตามหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี ว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีทำการสืบสวนสอบสวนตามข้อร้องเรียนของนายสมชายแล้ว จำเลยที่ 2 รายงานข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบเพื่อมีคำวินิจฉัย อันแสดงว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของโจทก์เป็นเวลาหนึ่งปีและให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามข้อร้องเรียนของนายสมชายภายหลังการเลือกตั้งตามที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 แจ้งข้อกล่าวหาให้โจทก์ทราบและรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบยิ่งกว่านั้นโจทก์ยังเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ถามค้านว่า นายสมชายร้องเรียนภายหลังการเลือกตั้ง ดังนี้ แสดงว่าก่อนการเลือกตั้งโจทก์ไม่เคยถูกร้องเรียน เจือสมกับประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี (บางส่วน) ที่ระบุว่า …ประกาศผลการเลือกตั้งแต่เพียงบางส่วนไปก่อนเฉพาะผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ไม่มีการร้องเรียน เช่นนี้ บ่งชี้ว่าไม่เคยมีการสอบสวนมาก่อนที่นายสมชายจะร้องเรียน การสอบสวนมีเพียงครั้งเดียวตามที่นายสมชายร้องเรียนเท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ได้นำข้อร้องเรียนเดิมที่มีคำวินิจฉัยไปแล้วกลับมาวินิจฉัยใหม่โดยไม่ชอบอันเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือกระทำการหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share