คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายเอาเงินสดให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างนำไปฝากเข้าบัญชีของผู้เสียหายในธนาคารนั้น ถือว่าผู้เสียหายได้มอบเงินสด จำนวนนั้นให้อยู่ในความครอบครองของจำเลย เพราะจำเลยจะต้องถือและรักษาเงินสดจำนวนนั้นจนกระทั่งนำไปฝากธนาคารให้เรียบร้อย การที่จำเลยวางแผนให้พวกของจำเลยมาแย่งเอาเงินไป ในระหว่างทางที่ไปธนาคาร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานยักยอกมิใช่ความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างได้ร่วมกับพวกลักทรัพย์ของนายจ้างไป โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด และเพื่อให้พ้นการจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๓๖ ทวิ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์รวม ๒๖๐,๐๐๐ บาท แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ และ ๓๓๖ ทวิ ให้จำคุกจำเลย ๕ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๖๐,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้กระทำผิด หากจำเลยกระทำผิดก็เป็นความผิดฐานยักยอก ขอให้ยกฟ้องหรือลดโทษจำเลยความผิดฐานยักยอก
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายทั้งสองได้เอาเงินจำนวน ๒๖๐,๐๐๐ บาท ให้จำเลยนำไปเข้าบัญชีของผู้เสียหายทั้งสองในธนาคาร เป็นการที่ผู้เสียหายทั้งสองมอบเงินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยแล้ว เมื่อจำเลยเบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตน จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ให้จำคุก ๒ ปี ลงโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่ผู้เสียหายทั้งสองเอาเงินสดรวม ๒๖๐,๐๐๐ บาท ให้จำเลย ซึ่งเป็นลูกจ้างขี่รถจักรยานยนต์นำไปฝากเข้าบัญชีของผู้เสียหายทั้งสองในธนาคารนั้น ถือว่าผู้เสียหายทั้งสองได้มอบเงินสดจำนวนนั้นให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยเพราะจำเลยจะต้องถือและรักษาเงินสดจำนวนนั้นจนกระทั่งนำไปฝากธนาคารให้เรียบร้อย การที่จำเลยวางแผนให้พวกจำเลยมาแย่งเอาเงินไปในระหว่างทางที่ไปธนาคาร การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share