คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์และทนายโจทก์ระบุว่าสำนักงานบริษัท ร.เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้องและภูมิลำเนาของทนายโจทก์ในใบแต่งทนายความแม้ต่อมาโจทก์และทนายโจทก์ลาออกจากบริษัทดังกล่าว โดยไม่แจ้งการย้ายภูมิลำเนาให้ศาลทราบ นับได้ว่าโจทก์และทนายโจทก์มีส่วนบกพร่องอยู่บ้างก็ตามแต่เมื่อปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่ 25/7 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ได้มีคำสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดีพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีหนังสือถึงศาลอื่นส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแทน โดยคำร้องดังกล่าวทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 28/19 ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ฉะนั้น เมื่อคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ได้อ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากย้ายภูมิลำเนา จึงไม่ได้มาศาล เช่นนี้ จึงสมควรที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนว่าเหตุที่โจทก์ยกขึ้นอ้างฟังได้หรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นจะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไม่แจ้งให้ศาลทราบขึ้นมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน ย่อมเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง และให้นัดสอบคำให้การจำเลยกับสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๔๐ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกาครั้นถึงกำหนดนัดสอบคำให้การและสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงให้ออกหมายจับจำเลยและจำหน่ายคดีชั่วคราว ต่อมาวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๐ จำเลยมอบตัวต่อศาลและให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน๒๕๔๐ เวลา ๙ นาฬิกา และหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์กับทนายโจทก์ทราบ โดยให้ศาลแขวงพระนครใต้ดำเนินการส่งหมายนัดให้ และเจ้าหน้าที่ศาลแขวงพระนครใต้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์และทนายโจทก์ที่บ้านเลขที่ ๔๓/๔ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยนอกเขต แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร โดยวิธีปิดหมาย เมื่อถึงกำหนดนัดสืบโจทก์โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงให้ยกฟ้องโจทก์ต่อมาวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๑ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์และทนายโจทก์ไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ตามหมายนัด เนื่องจากเดิมโจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัทไร้ทพิคเจอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งโจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินทนายโจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายกฎหมายเป็นภูมิลำเนา แต่เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๐ โจทก์และทนายโจทก์รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวลาออกทั้งหมด และภายหลังจากนั้นโจทก์และทนายโจทก์ก็ไม่ได้เข้าไปบริษัทดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลนำหมายนัดไปปิดที่บริษัทดังกล่าว โจทก์และทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัดตามหมายนัด ทำให้โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ขอให้ศาลสั่งไต่สวนคำร้อง ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้ข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องก็ไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัทไร้ท์พิคเจอร์ จำกัด(มหาชน) เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้อง และภูมิลำเนาของทนายโจทก์ในใบแต่งทนายความ แล้วต่อมาโจทก์และทนายโจทก์ลาออกจากบริษัทดังกล่าว แต่ไม่แจ้งการย้ายภูมิลำเนาให้ศาลทราบ นับว่าโจทก์และทนายโจทก์มีส่วนบกพร่องอยู่บ้าง แต่ตามคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้เบิกความต่อศาลว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ๒๕/๗ แขวงสามเสนนอก เขตดินแดงกรุงเทพมหานคร และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วได้มีคำสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดีพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๔๐ เวลา ๑๓.๓๐นาฬิกา ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ต่อศาลชั้นต้นขอให้มีหนังสือถึงศาลจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแทน โดยคำร้องดังกล่าวทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ ๒๘/๑๙ หมู่ที่ ๑๗ ถนนอ่อนนุชแขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตามคำเบิกความของโจทก์และคำร้องของทนายโจทก์ดังกล่าวต่างมิได้ระบุภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖วรรคสอง บัญญัติว่า “คดีที่ศาลได้ยกฟ้องดังกล่าวแล้ว ถ้าโจทก์มาร้องภายในสิบห้าวัน นับแต่วันศาลยกฟ้องนั้น โดยแสดงให้เห็นว่าได้มีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ก็ให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่” และมาตรา ๑๘๑ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๖๖มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลม เมื่อคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ได้อ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากย้ายภูมิลำเนา จึงไม่ได้มาศาล ดังนั้น จึงสมควรที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนว่าเหตุที่โจทก์ยกขึ้นอ้างฟังได้หรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นจะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไม่แจ้งให้ศาลทราบขึ้นมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน หาสมควรไม่
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.

Share