คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยถือหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน กองตรวจคนเข้าเมืองกรมตำรวจอนุญาตให้โจทก์อยู่ได้ชั่วคราว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อกองตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทย โดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้ว กองตรวจคนเข้าเมืองและกรมตำรวจไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลย ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า เมื่อครบกำหนดเวลาที่จำเลยอนุญาตแล้ว โจทก์ก็ต้องเดินทางกลับออกไป เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน ทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเขาเป็นคนไทย มีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ถือว่าตนเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว โจทก์ก็ขอให้พิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสัญชาติไทย ได้หนีบิดามารดาไปเที่ยวต่างประเทศ โดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับประเทศไทยได้ขอทำหนังสือเดินทางกลับต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงแต่กงสุลไม่อนุญาต จึงต้องทำหนังสือเดินทางจีนเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๐๑ โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่พนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่สั่งแสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย จำเลยกลับมีคำสั่งไม่ให้โจทก์อยู่ในประเทศไทย ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีสัญชาติเป็นไทย มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย และให้เพิกถอนคำสั่งจำเลย
ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒, ๓ ให้การว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย ความจริงเป็นบุคคลสัญชาติจีนเกิดที่ประเทศจีน ได้เดินทางเข้ามาโดยมีหลักฐานแสดงว่าเป็นบุคคลสัญชาติจีน โจทก์ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติ แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ยังมิได้ออกคำสั่ง จำเลยยังมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์เดินทางเข้ามาโดยแจ้งว่าเป็นบุคคลสัญชาติจีน แล้วกลับมาขอพิสูจน์ว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยเช่นนี้ ถือว่าใช้สิทธิในทางไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสัญชาติเป็นคนไทย มีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑. ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ ๆ ยังไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ในการที่โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำเลยอนุญาตให้โจทก์อยู่ได้เพียงชั่วคราว เพราะถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อกองตรวจคนเข้าเมือง ว่าโจทก์เป็นคนไทยโดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้วเดือนเศษ แต่จำเลยก็ไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงได้ยื่นฟ้องคดีนี้ ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่จำเลยอนุญาตให้โจทก์พักอยู่ได้ในประเทศไทย โจทก์จะต้องเดินทางกลับออกไปจากประเทศไทย เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีนทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเป็นคนไทยมีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้
๒. ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั้น เห็นว่า แรกเริ่มโจทก์ก็ได้แสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ และโจทก์ต้องการเข้ามาในประเทศไทยเพื่อขอพิสูจน์ว่าเป็นคนไทย จึงต้องแจ้งต่อทางการเมืองฮ่องกงว่าเป็นคนจีน จึงได้รับหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน มิฉะนั้นก็ไม่มีทางเข้ามาในประเทศไทย โจทก์พยายามทุกวิถีทางที่จะใช้สิทธิของเขาเพราะถือว่ามีสัญชาติเป็นคนไทยหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
เมื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงด้วยแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share