แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตอันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ทำมิได้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐานตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเหล็กเส้นของกลางไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเป็นผู้ผลิต แต่ผลิตโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเหล็กเส้นธรรมดา ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต อันเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมซึ่งไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวคือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ทำมิได้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๗, ๒๐, ๓๖, ๕๕ ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดคือเหล็กเส้นของกลางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ทำมิได้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐานจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยรู้อยู่ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเหล็กเส้นของกลางไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเป็นผู้ผลิต แต่ผลิตโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเหล็กเส้นธรรมดาได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง การกระทำของจำเลยตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๑๗, ๒๐, ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพ.ศ. ๒๕๑๑ ที่แก้ไขแล้ว และเหล็กเส้นของกลางเป็นของที่ได้รับอนุญษตให้ทำได้จึงไม่ใช่ของที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิด
พิพากษากลับยกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ