คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีอันเป็นกระบวนการในชั้นบังคับคดี แต่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อมานั้น แม้การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทำขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว แต่การอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลกระทบถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องถูกกลับ แก้หรือถูกยกไปด้วย อีกทั้งกรณีดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนจากการยื่นอุทธรณ์เพราะหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดียังคงดำเนินการบังคับคดีกับจำเลยได้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนั้น การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคดีนี้จึงไม่จำต้องนำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางไว้ต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางไว้ต่อศาลและศาลอุทธรณ์อาศัยเหตุที่จำเลยไม่นำเงินส่วนที่ขาดหรือหาประกันมาวางเพิ่มต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงเป็นกระบวนพิจารณาและคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากอาคารพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 20279, 2036, 20527, 20528 และ 20529 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยส่งมอบให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย และให้จำเลยชำระเงิน 276,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 40,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารและที่ดินเสร็จ และให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 3,000 บาท และศาลได้ออกคำบังคับแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์และได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง พร้อมส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินส่วนที่ขาดหรือหาประกันมาวางเพิ่ม ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 อันเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ให้จำหน่ายคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีอันเป็นกระบวนการในชั้นบังคับคดี ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง และจำเลยได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อมานั้น แม้การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยกระทำขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว แต่ผลของการอุทธรณ์ไม่มีผลกระทบถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้น อันจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องถูกกลับ แก้ หรือถูกยกไปด้วย อีกทั้งกรณีดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนจากการยื่นอุทธรณ์ เพราะหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีก็ยังคงดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยต่อไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยในกรณีนี้จึงไม่จำต้องนำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางไว้ต่อศาล เนื่องจากเห็นว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ มีผลทำให้กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การสั่งให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางเพิ่มในส่วนที่ขาดและนำเงินตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล กับคำสั่งให้จำเลยนำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาส่วนที่ขาดหรือหาหลักประกันมาวางเพิ่ม รวมไปถึงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่อาศัยเหตุที่จำเลยไม่นำเงินส่วนที่ขาดหรือหาประกันมาวางเพิ่มต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลกำหนดแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย ปัญหาที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชอบดังกล่าวมานั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง แต่เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 247
พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์ลงวันที่ 16 มกราคม 2550 ที่ให้จำหน่ายคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ยกคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ที่ให้จำเลยนำเงินส่วนที่ยังขาดหรือหาหลักประกันมาวางเพิ่ม และให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 28 มิถุนายน 2549 ที่ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share