แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยร้องบอกให้ อ.ยิงผู้เสียหายและร่วมกับอ. ยิงผู้เสียหาย โดยเข้าไปดึงพานท้ายปืนของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้อาวุธทำการป้องกันตัว โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพราะได้รับการรักษาทันท่วงที ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่แต่เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่แต่เพียงบทเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2518 เวลากลางคืนหลังเที่ยงสิบตำรวจโทผจญ สุริวินิจ เจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามง่ามจังหวัดพิจิตร ได้ออกสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ปราบปรามโจรผู้ร้าย และรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องที่ จะเข้าทำการจับกุมนายอำนวย หรือ จ๊อก อุ่นรั้วพวกของจำเลยในข้อหาพยายามฆ่านายอนันต์ พรมมี ในทันใดนั้นเองจำเลยทั้งสองร่วมกันก่อให้นายอำนวย หรือ จ๊อก กระทำผิดด้วยการวาน ใช้ ยุยงส่งเสริมนายอำนวย หรือ จ๊อก โดยร้องบอกว่าตำรวจ อ้ายนวยยิงเลย และอำนวยยิงตำรวจเลย ซึ่งหมายถึงให้ยิงฆ่าสิบตำรวจโทผจญให้ตายและในขณะเดียวกันจำเลยทั้งสองร่วมกระทำผิดกับนายอำนวยหรือ จ๊อก โดยเข้าจับอาวุธปืนที่สิบตำรวจโทผจญถือติดตัวมาไว้ ไม่ให้สิบตำรวจโทผจญใช้อาวุธปืนดังกล่าวทำการป้องกันตัวได้ จนเป็นเหตุให้นายอำนวย หรือ จ๊อก ใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจโทผจญฝ่ายเดียวหลายนัด ถูกบริเวณร่างกายหลายแห่งจนได้รับอันตรายแก่กายสาหัสโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนถูกอวัยวะไม่สำคัญ และสิบตำรวจโทผจญได้รับการรักษาทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตาย สมดังเจตนา และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 1 กับนายอำนวยหรือจ๊อกได้ร่วมกันลักเอาอาวุธปืน 1 กระบอกกระสุนปืน 30 นัด และซองกระสุนปืน 1 ซอง รวมราคา 3,010 บาท ซึ่งเป็นของใช้ในราชการตำรวจและอยู่ในความดูแลของสิบตำรวจโทผจญไปโดยทุจริตเจ้าพนักงานยึดได้ปลอกกระสุนปืน 5 ปลอก หัวกระสุนปืน 1 หัว ที่จำเลยกับพวกใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80,84, 83, 335, 86 และริบของกลาง กับให้จำเลยที่ 1 คืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ลักไป หรือใช้ราคาเป็นเงิน 3,010 บาท แก่กรมตำรวจเจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80, 84, 83 จำคุกตลอดชีวิต และผิดตามมาตรา 335 จำคุก 4 ปีเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 54 ปีจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80, 84, 83จำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ริบของกลาง ให้จำเลยที่ 1 คืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์3,010 บาทแก่กรมตำรวจ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2518 มีงานที่โรงเรียนบ้านห้วยห้างเวลาประมาณ 20 นาฬิกา สิบตำรวจโทผจญผู้เสียหายได้แต่งเครื่องแบบตำรวจไปที่งานเพื่อสืบสวนจับกุมนายอำนวย อุ่นรั้ว ในข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายตามหมายจับพอเวลาประมาณ 21 นาฬิกา มีเสียงปืนดัง 1 นัด ผู้เสียหายจึงถือปืนพร้อมซองกระสุนและกระสุนปืนไปด้วย โดยถือปืนห้อยลงข้างตัวทางมือขวาเพื่อจะไปจับคนที่ยิงปืนพอเดินไปได้ 4 – 5 ก้าว ผ่านโต๊ะอาหารแรกไป ก็มีเสียงพูดทางข้างหลังว่า “ไอ้นวย ตำรวจ ยิงเลย” และมีคนข้างหลังดึงพานท้ายปืนพร้อมกับร้องว่า “ไอ้นวยตำรวจ ยิงเลย” อีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นนายอำนวยที่ผู้เสียหายต้องการตัวตามหมายจับ ซึ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารถัดไป ห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา ใช้อาวุธปืนยิงมาที่ผู้เสียหาย 3 นัด ถูกที่หน้าอก คอ และต้นแขนขวา แต่ละแห่งกระสุนปืนทะลุด้านหลัง ผู้เสียหายล้มลงหมดสติและมีคนร้ายลักอาวุธปืนพร้อมซองกระสุนปืนและกระสุนปืนไป
ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยทั้งสองได้ใช้ วาน ยุยงส่งเสริม ให้นายอำนวยยิงฆ่าผู้เสียหาย และร่วมกับนายอำนวยยิงฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ และจำเลยที่ 1ได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ร้องบอกให้นายอำนวยยิงผู้เสียหายและร่วมกับนายอำนวยยิงผู้เสียหายโดยเข้าไปดึงพานท้ายปืนของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนทำการป้องกันตัวโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาทันท่วงที จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
ส่วนข้อหาจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานลักทรัพย์นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ลักอาวุธปืน ซองกระสุนปืน และกระสุนปืนของผู้เสียหายไป
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(2), 80, 83 ฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ให้จำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง ข้อหาอื่นยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2