แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จับไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวงได้บนรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านเจ้าของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตัดไม้มาหลายปีแล้วขณะจับภรรยามาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของเจ้าของรถ ต่อมาตนเองยังได้มาพูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตนอีกดังนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของรถบรรทุกไม้สมคบกับจำเลยอื่นมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันมีไม้หวงห้ามโดยมิได้มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า 4 ท่อน ขอให้ลงโทษ
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธและว่าจำเลยที่ 5 มาจ้างรถยนต์ให้บรรทุกไม้ จำเลยที่ 2, 3, 4 ต่อสู้ว่าเป็นลูกจ้างขับรถจำเลยที่ 1 ๆ สั่งให้ไปบรรทุก จำเลยที่ 5 รับสารภาพว่าจ้างรถยนต์จำเลยที่ 1 ไปบรรทุกจริงเพื่อไปปลูกบ้าน
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยที่ 2, 3, 4 คนละ 280 บาท ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 แก้ไขโดย พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 ม. 16 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1, 5
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานสมคบกับจำเลยที่ 2, 3, 4 ด้วยปรับ 280 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าไม่ได้สมคบมีไม้ไว้ในครอบครอง
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยนี้ (นายวัฒนะ) เป็นผู้มีรถบรรทุกไม้และได้รับอนุญาตตัดไม้หลายปีแล้วย่อมเป็นผู้รู้เรื่องในการทำไม้ดี และในชั้นแรกเมื่อเจ้าพนักงานจับไม้ นางบาหยันภรรยาจำเลยที่ 1 ก็มาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของจำเลยที่ 1 และต่อมาจำเลยที่ 1 ก็พูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตน นับว่าคดีมีเหตุผลให้ฟังว่าจำเลยสมคบกันมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองจริง
พิพากษายืน