คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งแดงที่ 199/2507 ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย วันที่ 28 กรกฎาคม 2507 จำเลยกับผู้ร้องยอมความกันในคดีนั้นว่าจำเลยยอมขายที่ดินแปลงพิพาทให้ผู้ร้อง โดยจะไปทำโอนกันต่อเจ้าพนักงานภายใน 7 วัน.ถ้าไม่ไปทำโอน ให้ถือเอาสัญญานั้นเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และจำเลยยอมรับราคาที่ดินที่ค้างจากผู้ร้องในวันทำโอน ศาลพิพากษาตามยอม ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2507 โจทก์คดีนี้นำเจ้าหน้าที่ศาลยึดที่ดินรายพิพาท ดังนี้ การนำยึดทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นการทำภายหลังวันที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องไปแล้ว ตลอดทั้งขณะที่นำยึดคำพิพากษานั้นก็ถึงที่สุดและครบกำหนดระยะเวลาที่บังคับให้โอนตามคำพิพากษานั้นด้วย แม้ว่าในขณะที่ศาลพิพากษาตามยอมให้โอนที่ดินนั้น ที่ดินรายพิพาทต้องถูกยึดไว้ชั่วคราวในคดีอื่นอยู่ก็ดี แต่ภายหลังก็ได้มีการถอนการยึดไปแล้ว โจทก์เพิ่งมาขอยึดภายหลังจากวันถอนการยึดอีกหลายวันสิทธิในที่ดินของผู้ร้องตามคำพิพากษานั้นก็ย่อมมีอยู่ก่อนวันที่โจทก์จะมาทำการยึดนั้นแล้ว ไม่ชอบที่โจทก์จะนำยึดมาบังคับชำระหนี้โจทก์ได้อีก

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์จำเลยยอมความกันในศาลและศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยใช้เงินกู้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยไม่ชำระ จึงขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์จำเลย ได้มีการยึดที่ดินแปลงหนึ่ง ผู้ร้องร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ อ้างว่าเป็นที่ดินที่จำเลยทำยอมตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๑๙๙/๒๕๐๗ โอนที่ให้ผู้ร้องภายใน ๗ วัน อยู่ระหว่างประกาศ โจทก์ก็ไปนำยึด หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นหนี้สมยอมกัน ฯลฯ
โจทก์แถลงค้านว่า ที่ดินรายพิพาทได้ถูกศาลชั้นต้นสั่งยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ในคดีที่นายอิ่มฟ้องจำเลย (คดีแพ่งแดงที่๓๐/๒๕๐๗) ต่อมานายอิ่มถอนการยึดไป โจทก์คดีนี้จึงนำยึดใหม่ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นให้ถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีเรื่องนี้ เป็นอันฟังได้จากคดีแพ่งแดงที่ ๑๙๙/๒๕๐๗ ของศาลชั้นต้น ว่าผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย ครั้นเมื่อวันที่ ๒๘กรกฎาคม ๒๕๐๗ จำเลยกับผู้ร้องได้ทำสัญญายอมความกันในคดีนั้นว่าจำเลยยอมขายที่ดินแปลงพิพาทให้แก่ผู้ร้อง โดยจะไปทำโอนกันต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอภายใน ๗ วัน ถ้าไม่ไปทำโอน ให้ถือเอาสัญญานั้นเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และจำเลยยอมรับเงินตาคาที่ดินที่ค้าง๑๐,๒๐๐ บาทจากผู้ร้องในวันทำโอน ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปแล้วในวันทำยอมนั้น ต่อมาปรากฏในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยนี้ขึ้นว่า โจทก์นำเจ้าหน้าที่ศาลไปทำการยึดที่ดินรายพิพาทนี้เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๐๗ การนำยึดทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นการทำภายหลังวันที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินรายพิพาทให้แก่ผู้ร้องไปแล้ว ตลอดทั้งขณะที่นำยึด คำพิพากษานั้นก็ถึงที่สุด และครบกำหนดระยะเวลาที่บังคับให้โอนตามคำพิพากษานั้นแล้วด้วย แม้ว่าในขณะที่ศาลพิพากษาตามยอมให้โอนที่ดินนั้น ที่ดินรายพิพาทกำลังต้องถูกยึดไว้ชั่วคราวในคดีอื่นอยู่ก็ดี แต่ภายหลังก็ได้มีการถอนการยึดดังนั้นไปแล้ว โจทก์เพิ่งจะมาขอยึดภายหลังจากวันถอนการยึดอีกหลายวันสิทธิในที่ดินของผู้ร้องตามคำพิพากษานั้นก็ย่อมมีอยู่ก่อนวันที่โจทก์จะมาทำการยึดนั้นแล้ว ไม่ชอบที่โจทก์จะนำยึดที่ดินรายนี้เอามาบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ได้อีก
พิพากษายืน

Share