แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่อาจครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองเกินกว่าที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต และการครอบครองดังว่านี้ย่อมหมายความถึงการมีไว้ในครอบครองตามจำนวนในใบอนุญาตของตนเอง หาใช่หมายถึงการมีสิทธิครอบครอง ซึ่งอาจฝากให้ผู้อื่นดูแลแทนกันได้ไม่ เมื่อจำเลยมีไว้ในครอบครองเกินกว่าปริมาณทีจำเลยได้รับอนุญาต จึงต้องมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีนกขุนทองอันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดอื่นอีก ไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๕ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๒๘ ข้อ ๖ กฎกระทรวงฉบับที่ ๖(พ.ศ.๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ ข้อ ๒,๓ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดปริมาณสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๑๖ ข้อ ๑ ให้จำคุก ๑ เดือน ปรับ ๑,๕๐๐ บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ๑ ปี สัตว์ป่าของกลางเฉพาะส่วนที่จำเลยมีไว้ผิดกฎหมายให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีใบอนุญาตให้ค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ระบุสถานการณ์ค้าชื่อโกมล นุกูลพานิชย์วิพัฒน์ ณ บ้านเลขที่ ๔๐ ถนนอรุณอัมรินทร์ และระบุว่ามีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า ณ สถานที่แห่งเดียวกัน นอกจากใบอนุญาตฉบับนี้แล้ว จำเลยยังมีใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองของคนอื่นอีก ๗ ฉบับ ระบุสถานการณ์ค้าและสถานที่ครอบครองแห่งเดียวกันใบอนุญาตของจำเลย ส่วนสถานที่ที่เจ้าพนักงานยึดสัตว์ป่าคุ้มครองของกลางได้ไม่ใช่สถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตดังกล่าว จำนวนสัตว์ป่าคุ้มครองของกลางซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยมีปริมาณเกินกว่าที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีไว้เพื่อค้าตามในอนุญาตของจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๕ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๒๘ ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๕ ข้อ ๖ บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครองครองเกินกว่าปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงไม่อาจครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองเกินกว่าที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต และการครอบครองดังว่านี้ย่อมหมายความถึงการมีไว้ในครอบครองตามจำนวนในใบอนุญาตของตนเอง หาใช่หมายถึงการมีสิทธิครอบครอง ซึ่งอาจฝากให้ผู้อื่นดูแลแทนกันได้ไม่ มิฉะนั้นบทบัญญัติที่บังคับมิให้บุคคลมีไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดย่อมจะเป็นการไร้ผล เมื่อฟังได้ว่าจำเลยมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในควมครอบครองของจำเลยเกินกว่าปริมาณที่จำเลยเได้รับอนุญาต จำเลยก็ต้องมีความรับผิดตามฟ้อง คดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกาโต้เถียงอีกว่า การที่ผู้ใดมีใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองแล้ว จะทำการค้านอกสถานการค้าที่ตั้งอยู่ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตได้หรือไม่ และว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาเป็นเรื่องจำเลยนำสัตว์ป่าที่ได้รับอนุญาตไปเก็บไว้นอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยไม่ได้หรือไม่ เพราะการที่จำเลยมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองเกินกว่าจำนวนในใบอนุญาต เป็นความผิดตามฟ้องแล้ว
พิพากษายืน