คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้ามรดกยกที่นาพิพาทให้โจทก์โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้ไป จดทะเบียนโอนที่อำเภอ หนังสือมอบอำนาจมีลายพิมพ์นิ้วมือของเจ้ามรดก แต่เจ้ามรดกผู้มอบอำนาจมิได้พิมพ์ลายมือต่อหน้าพยานการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเจ้ามรดกมิได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำนิติกรรม การมอบอำนาจและการทำนิติกรรมโอนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์จึงไม่ชอบ นาพิพาทเป็นทรัพย์ที่ยังไม่ได้แบ่ง โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นทายาทด้วยคนหนึ่งไม่ได้ และจำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนดังกล่าว เสียได้

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 บุกรุกที่ของโจทก์ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย สำนวนหลังจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นโจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 เป็นบุตรนายเพนางจวน จำเลยที่ 2 เป็นสามีจำเลยที่ 1 นายเพ นางจวนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท นางจวนและนายเพถึงแก่กรรมแล้วมิได้ยกที่พิพาทให้ใคร โจทก์ทั้งสองและจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ร่วมกันตลอดมา แต่โจทก์กลับอ้างว่านายเพได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1ทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้เพิกถอนเรื่องราวการจดทะเบียนยกให้ของนายเพและสั่งว่าหนังสือมอบอำนาจเป็นโมฆะ ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และบริวารออกจากที่พิพาทและให้ใช้ค่าเสียหายปีละ 2,000 บาท จนกว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับที่พิพาท ให้ยกฟ้องสำนวนหลัง จำเลยที่ 1และที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองและให้เพิกถอนเรื่องราวการจดทะเบียนสิทธินิติกรรมการให้ของนายเพเสีย โจทก์ทั้งสองฎีกา ก่อนคดีชั้นสู่ศาลฎีกาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ที่ 1 ผู้ถึงแก่กรรม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาว่านายเพ เการัมย์บิดาของโจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้ยกที่นาพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ไปทำการจดทะเบียนโอนกันที่อำเภอท้องที่หรือไม่นั้น โจทก์มีโจทก์ที่ 1 เบิกความว่าหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 นายตุ่มเป็นผู้เขียน นายเพเป็นผู้บอก เสร็จแล้วนายตุ่มอ่านทบทวนให้ฟังเห็นว่าถูกต้องจึงลงลายมือชื่อไว้นายเพประทับลายพิมพ์นิ้วมือด้วยตนเองต่อหน้านายตุ่ม นายวิรัช นางเรียม นายเฉลียว เจริญสวัสดิ์นายวิรัช ลงชื่อเป็นพยาน โจทก์ที่ 2 เบิกความว่าในวันที่นายเพนำหนังสือยกที่ดินให้โจทก์ทั้งสองมีผู้รู้เห็นคือนายเฉลียว เจริญสวัสดิ์นางเรียมน้องสาวนายตุ่ม และนายวิรัชกำนันตำบลสองชั้นนายวิรัช วงศ์เตมีย์ กำนันตำบลสองชั้นเบิกความว่า นายเพมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ทำนิติกรรมแทนนายตุ่มเป็นผู้เขียนรายละเอียดโดยนายเพเป็นผู้บอกตามเอกสารหมาย จ.2 พยานลงลายมือชื่อเป็นพยาน พยานโจทก์ทั้งสามปากต่างก็ยืนยันว่าหนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ.2 นายตุ่มเป็นผู้เขียนและลงลายมือชื่อต่อหน้านายเพ แต่นายตุ่ม สุทินรัมย์ กลับเบิกความว่า ลายมือเขียนรายละเอียดในเอกสารหมาย จ.2 ไม่ใช่ลายมือพยาน พยานลงลายมือชื่อในฐานะพยาน ขณะลงลายมือชื่อนั้นมีรายละเอียดอยู่แล้วใครเขียนไม่ทราบ นายเฉลียว เจริญสวัสดิ์ เบิกความว่าเอกสารหมาย จ.2เป็นลายมือของโจทก์ที่ 1 ที่ว่านายตุ่มเป็นคนเขียนหนังสือมอบอำนาจนั้นต่อมาไม่ได้ใช้ เนื่องจากนายเพบอกให้นายตุ่มเขียนผิด ๆถูก ๆ หนังสือมอบอำนาจเลอะเทอะ นายเพจึงให้โจทก์ที่ 1 เป็นผู้เขียนและนำหนังสือมอบอำนาจไปให้นายตุ่มและนายวิรัชลงชื่อเป็นพยานที่บ้านของคนทั้งสอง ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าใครเป็นผู้เขียนหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2เพราะโจทก์ที่ 1 ก็เบิกความว่านายตุ่มเป็นผู้เขียน นายตุ่มก็ยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือของตน ที่พยานต่างเบิกความว่านายเพพิมพ์ลายมือชื่อต่อหน้าพยานจึงไม่น่าเชื่อ นายเฉลียวได้เบิกความว่าโจทก์ที่ 1 เขียนและนำไปให้นายตุ่มและนายวิรัชลงชื่อเป็นพยานที่บ้าน ก็แสดงว่านายเพผู้มอบอำนาจมิได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยานทั้งสอง การรับรองลายพิมพ์นิ้วมือจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและนายเพมิได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำนิติกรรม การมอบอำนาจและการทำนิติกรรมโอนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่นาพิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกของนายเพและนางจวนที่ยังมิได้แบ่งให้แก่ทายาท และโจทก์ทั้งสองก็เบิกความว่าจำเลยที่ 2 ผู้เป็นทายาทนายเพและนางจวนคนหนึ่งได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่นาพิพาทมาตั้งแต่นายเพยังมีชีวิตอยู่เรื่อยมา จำเลยที่ 2 จึงมีสิทธิรับมรดกนายเพ นางจวน โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งทำประโยชน์ในที่นาพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ และเมื่อการโอนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share