แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าผู้ให้เช่าไม่รับและบอกว่ายังไม่ให้ชำระดังนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ (ผู้เช่า) ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 (ผู้ให้เช่า) ยื่นคำร้องเท็จต่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ลงมติไปโดยมิได้ให้โอกาศโจทก์แสดงเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานใด ๆ เป็นการฝ่าฝืนต่อบทพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2489 ขอให้ศาลเพิกถอนมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าและห้ามมิให้จำเลยที่ 1 เข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯโดยสุจริตและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากห้องพิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย 2,000 บาท ค่าเช่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2495 ถึงเดือนมีนาคม 2496 รวม 6 เดือนเดือนละ 30 บาทและต่อสู้อย่างอื่นอีก หลายประการ
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าได้ปฏิบัติการในหน้าที่โดยความเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์แก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์มิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า แต่จำเลยที่ 1ไม่ยอมรับ โจทก์จึงได้ส่งเงินค่าเช่าให้จำเลยทางไปรษณีย์ จำเลยก็ไม่ยอมรับเองต่างหาก และตัดฟ้องว่า ฟ้องของจำเลยที่เรียกค่าเสียหาย2,000 บาทนั้นเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นเห็นว่ามติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ เป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเลยที่ 1 มีสิทธิฟ้องขับไล่โจทก์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์และบริวารออกจากห้องพิพาทให้โจทก์ชำระค่าเช่าที่ค้างจำนวน 180 บาท ตามฟ้องแย้งของจำเลยและค่าเช่าอีกเดือนละ 30 บาทต่อไปจนกว่าจะออก แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนค่าเสียหาย 2,000 บาทนั้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้สืบ จึงไม่คิดให้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีการวม 4 ข้อ
เฉพาะฎีกาข้อ (2) และ (3) ที่โจทก์อ้างว่ามิได้ผิดนัดชำระค่าเช่าและมิได้ละเมิดจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเช่าที่ล่วงเลยมารวม 6 เดือน เป็นเงิน 180 บาท ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินจำนวนนี้ โจทก์ได้เพียรชำระแก่จำเลยที่ 1 ตลอดมาแต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับโดยเกรงว่าจะเป็นการผูกพันกันต่อไปและยังได้ห้ามโจทก์ว่าค่าเช่าที่ค้างยังไม่ต้องส่งให้ รอไว้ต่อเมื่อโจทก์ออกจากห้องเช่าไปแล้วจึงค่อยชำระดังนี้ แล้วอยู่ดี ๆ ก็กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้ จำเลยที่ 1 ยังไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับโจทก์ได้ เพราะโจทก์ยังมิได้ผิดนัด
ฎีกาข้อ (4) นั้นเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 กล่าวข้อความชัดเจนแล้วว่า สัญญาเช่าเดิมกำหนดอัตราค่าเช่าไว้เดือนละ 30 บาทได้เลิกสัญญาเช่าต่อโจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่ยอม และได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ แล้วก็ยังไม่ยอมออกกระทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย เมื่อความจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ขืนอยู่ในห้องพิพาทต่อมา หลังจากที่ได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่านั้นแล้ว การขืนอยู่ตลอดมาของโจทก์นี้ก็เป็นการละเมิด ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ และเห็นว่าโจทก์ละเมิดตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ แล้ว ฎีกาของโจทก์ข้ออื่นฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า คำขอฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ข้อ 3 ในเรื่องเรียกค่าเช่าที่ค้าง 6 เดือนเป็นเงิน 180 บาทนั้นให้ยกเสีย และค่าเสียหายเดือนละ 30 บาทนั้นให้เริ่มคำนวณตั้งแต่วันทำการละเมิดคือวันที่ 13 มีนาคม 2496 เป็นต้นไปนอกจากนี้ยืน