คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานอัยการผู้ได้รับแต่งตั้งโดยชอบแล้วมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ในฟ้องในฐานพนักงานอัยการได้ แม้ผู้ลงชื่อจะต่างคนกับที่วงเล็บไว้ที่หน้าฟ้องก็ไม่สำคัญ
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกาย ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดใช้อาวุธอย่างไร ทำร้ายแผลไหน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 3 คนสมคบกันใช้เหล็กสามง่ามและไม้คานแทงและตีทำร้ายนายง่วนเทียน แซ่อึ้งถึงแก่ความตายโดยเจตนาจะฆ่า ซึ่ง ช. พนักงานอัยการเป็นผู้ลงชื่อท้ายฟ้อง หน้าฟ้องใช้คำว่า”พนักงานอัยการ กรมอัยการ (ขุนวิจัยจรรยา)” แต่ขุนวิจัยไม่ได้เซ็นชื่อท้ายฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ และตัดฟ้องว่า ฟ้องไม่เป็นฟ้อง และฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่บรรยายว่าจำเลยคนใดใช้อาวุธอย่างไร

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า เป็นฟ้อง และไม่เคลือบคลุม จำเลยผิดมาตรา 251 จำคุกคนละ 5 ปี ริบของกลาง

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้เซ็นฟ้องต้องเป็นหัวหน้ากองคดี และเรื่องฟ้องเคลือบคลุม

ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2ข้อ 5 ใช้คำว่า พนักงานอัยการเป็นผู้มีอำนาจฟ้องมิได้กล่าวถึงหัวหน้ากองคดี หรือแยกอำนาจฟ้องกับการว่าความไว้ต่างหากจากกัน ตามพระราชบัญญัติอัยการ 2478 ก็มิได้มีบทแยกหน้าที่ดังกล่าวมาตรา 16 เป็นเรื่องจำกัดอำนาจอัยการผู้ช่วยในบางกรณี ไม่ตรงกับปัญหานี้ช. มีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ในฐานพนักงานอัยการได้ และโจทก์บรรยายฟ้องพอให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว ไม่เคลือบคลุม

พิพากษายืน

Share