คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การประพฤติปฏิบัติของ อ. ซึ่งได้รับมอบจากจำเลยที่ 1 นำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไปมอบให้บริษัทโจทก์ที่ 2 ขายทอดตลาดเมื่อโจทก์ที่ 2 รับโฉนดแล้วได้ติดต่อให้ อ. พาไปดูที่ดินต่อมา อ.ได้รับประกาศขายทอดตลาดแล้ว อ. และเจ้าหน้าที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ได้ไปที่บริษัทโจทก์ที่ 2 ในวันขายทอดตลาดและร่วมปรึกษาหารือถึงการขายที่ดินและตกลงราคาขั้นต่ำให้ขาย ทั้งอยู่ด้วยในเวลาดำเนินการขายทอดตลาดจนเสร็จสิ้น ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 มอบให้ อ. เป็นตัวแทนในเรื่องการขายทอดตลาด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 กับพวก ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งแดงที่ 4533/2508 ว่าให้จำเลยที่ 1มอบที่ดินโฉนดที่ 2884 ให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ทำการขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดจะต้องมอบให้จำเลยที่ 2 เป็นการชำระหนี้จำนองงวดแรก เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้นายองุ่น สุวรรณมีระ ทนายความตัวแทนของจำเลยทำหนังสือมอบโฉนดที่ดินที่ 2884 พร้อมกับสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความมอบให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินการขายทอดตลาด โจทก์ที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลย ได้จัดการขายทอดตลาดแล้ว โจทก์ที่ 1 ประมูลสู้ราคาสูงสุดได้โจทก์ที่ 2 แจ้งผลการขายทอดตลาดให้จำเลยทั้งสองทราบ และขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรับเงินที่เหลือแต่จำเลยทั้งสองไม่จัดการ ขอให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนปลอดจำนองแล้วโอนที่ดินให้โจทก์ที่ 1 ในราคา 294,900 บาท และให้จำเลยที่ 2รับชำระหนี้ในยอดเงินค่าที่ดินที่โจทก์ที่ 2 รับไว้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1

จำเลยที่ 1 ให้การว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งแดงที่ 4533/2508ไม่ผูกพันถึงโจทก์ทั้งสอง ในวันขายทอดตลาดจำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้นายจุงกวง แซ่จู ไปพบโจทก์ที่ 2 ว่า หากมีผู้เสนอราคาต่ำกว่าห้าแสนบาทให้ถอนการขายแล้วประกาศขายใหม่ โจทก์ที่ 2 ขายที่ดินราคาเพียง 294,900 บาท ซึ่งขัดคำสั่งของจำเลยที่ 1 ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 นายองุ่น สุวรรณมีระ ทนายของจำเลยที่ 1 มีหนังสือมอบโฉนดให้โจทก์ที่ 2 ไปขายทอดตลาดนั้น ไม่ใช่ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 แต่กระทำในฐานะทนายในคดีดังกล่าวเท่านั้น

จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดี แต่ต่อมายื่นคำร้องว่า หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แพ้คดีจำเลยที่ 2 พร้อมจะไปจดทะเบียนปลดจำนองเพื่อให้โจทก์ที่ 1 รับโอนไปและพร้อมจะรับเงินตามฟ้อง จึงขอถอนคำให้การของจำเลยที่ 2 และแถลงไม่ต่อสู้คดี ศาลอนุญาตให้ถอนคำให้การได้

ศาลชั้นต้นฟังว่า นายองุ่นเป็นตัวแทนและตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1ในการขายทอดตลาด โจทก์ที่ 2 ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยชอบแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนปลดจำนองแล้วโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ที่ 1 ในราคา 249,900 บาท ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษานี้เป็นการแสดงเจตนาแทนให้จำเลยที่ 2 รับชำระหนี้ในยอดเงินนี้ ที่โจทก์ที่ 2 ได้รับไว้จากการขายที่ดิน

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ขอให้นายองุ่นไปจัดการขอโฉนดจากธนาคารแล้วนำไปมอบให้บริษัทโจทก์ที่ 2 แสดงอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1มอบหมายให้นายองุ่นซึ่งเป็นทนายของตนจัดการเรื่องขายทอดตลาดที่ดินนี้ให้เรียบร้อย นายองุ่นยังปฏิบัติการอีกหลายอย่างคือโจทก์ที่ 2 ตอบรับโฉนดแล้วขอให้นายองุ่นติดต่อพาไปดูที่ดินที่จะขายทอดตลาด ต่อมานายองุ่นได้รับประกาศขายทอดตลาดแล้ว นายองุ่นกับนายจุงกวงและเจ้าหน้าที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ได้ไปที่บริษัทโจทก์ที่ 2 ในวันขายทอดตลาดและร่วมปรึกษาหารือถึงการขายทอดตลาดตลอดจนเสร็จสิ้นการประพฤติปฏิบัติของนายองุ่นเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 มอบหมายให้นายองุ่นเป็นตัวแทนของตนในเรื่องการขายทอดตลาด เมื่อนายองุ่นได้รับหนังสือแจ้งการโอนที่ดินจากโจทก์ที่ 2 และเรื่องจำเลยที่ 1, 2 ไม่ไปโอนที่ดิน ขอให้นายองุ่นนัดวันโอน นายองุ่นไม่เคยโต้แย้งว่าไม่ใช่ตัวแทนจำเลยที่ 1 กลับโทรศัพท์ไปบอกนายจุงกวงซึ่งเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 แต่นายจุงกวงว่าจำเลยที่ 1 ไม่อยู่ แสดงว่านายองุ่นโทรศัพท์ถามถึงจำเลยที่ 1 เพื่อจะแจ้งวันโอนที่ดินนั่นเอง จึงฟังได้อย่างแน่ชัดว่านายองุ่นเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1

พิพากษายืน

Share