แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ศาลสั่งเลิกหุ้นส่วนและให้จำเลยชำระบัญชีหุ้นส่วนหรือตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ได้ฟ้องเรียกทรัพย์สินอะไรจากจำเลยและไม่ได้ตั้งราคาทุนทรัพย์เรียกร้องมาในฟ้อง เสียค่าขึ้นศาล 15 บาทอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ดังนี้ เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมโนสาเร่
การเข้าหุ้นส่วนซื้อข้าวสารมาทำการค้าขายกันนั้นไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่า ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ฉะนั้นจึงนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเข้าหุ้นส่วนกันทำการซื้อข้าวสารมาจำหน่ายโจทก์ได้ออกทุนไปเป็นเงิน 32,800 บาท บัดนี้การค้าข้าวสารได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงต้องเลิกหุ้นส่วนกับโจทก์ได้บอกเลิกและร้องขอให้จำเลยจัดการชำระบัญชี แต่จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลสั่งเลิกหุ้นส่วน หรือตั้งผู้ชำระบัญชี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 189 จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลสั่งเลิกหุ้นส่วนและให้จำเลยชำระบัญชีหุ้นส่วนหรือตั้งผู้ชำระบัญชี โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกทรัพย์สินอะไรไปจากจำเลย และโจทก์ไม่ได้ตั้งราคาทุนทรัพย์ที่เรียกร้องมาในฟ้อง โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 15 บาทอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ จึงเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงนั้นชอบแล้ว ส่วนปัญหาเรื่องการสืบแก้ไขเอกสารนั้น เห็นว่า การที่โจทก์จำเลยลงทุนเข้าหุ้นส่วนซื้อข้าวสารมาทำการค้าขายกัน ไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ฉนั้นจำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว พิพากษายืน