คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แถบบันทึกเสียงเป็นพยานวัตถุ แต่เสียงในแถบบันทึกเสียงที่จำเลยอ้างว่าเป็นเสียงโจทก์นั้น จำเลยมีตัวจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความว่าเป็นเสียงของโจทก์ที่พูดโต้ตอบกับจำเลยโดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนให้น่าเชื่อว่าเป็นเสียงของโจทก์โจทก์ปฏิเสธว่าเสียงในแถบบันทึกเสียงไม่มีเสียงของโจทก์และโจทก์ไม่ได้พูดโต้ตอบกับจำเลยดังที่ปรากฏในเอกสารที่จำเลยอ้างว่าถอดจาก แถบบันทึกเสียง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยพูดโต้ตอบกับจำเลยตามเสียง ที่บันทึก ไว้ในแถบบันทึกเสียง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้ 70,000 บาท และดอกเบี้ย21,000 บาท รวมเป็นเงิน 91,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยจากเงินต้น 70,000 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ในเรื่องกู้เงินรายนี้ ภาพถ่ายหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่นายณรงค์กับโจทก์สมคบกันด้วยความทุจริตกรอกข้อความพร้อมจำนวนเงินเอาเอง โดยจำเลยไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย หนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 91,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้น 70,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์ครบถ้วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ตามฟ้องหรือไม่…และที่จำเลยฎีกาอีกว่า แถบบันทึกเสียงเป็นพยานวัตถุ เมื่อจำเลยนำแถบบันทึกเสียงมาเปิดต่อหน้าศาลย่อมรับฟังเสียงในแถบบันทึกเสียงได้ว่าโจทก์ไม่ได้ให้จำเลยกู้เงินหาต้องถอดแถบบันทึกเสียงออกเป็นลายลักษณ์อักษรหรือคัดสำเนาส่งให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น เห็นว่า แถบบันทึกเสียงหมาย ล.3 เป็นพยานวัตถุดังที่จำเลยฎีกา แต่เสียงในแถบบันทึกเสียงหมาย ล.3ที่จำเลยอ้างว่าเป็นเสียงของโจทก์นั้น จำเลยมีตัวจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความว่าเป็นเสียงของโจทก์ที่พูดโต้ตอบกับจำเลย โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนให้น่าเชื่อว่าเป็นเสียงของโจทก์ดังข้ออ้างของจำเลย ส่วนโจทก์เบิกความยืนยันว่าเมื่อฟังเสียงในแถบบันทึกเสียงแล้วไม่มีเสียงของโจทก์เลยและเมื่ออ่านข้อความเอกสารหมาย ล.2 ที่จำเลยอ้างว่าถอดจากแถบบันทึกเสียงหมาย ล.3 แล้วโจทก์ยืนยันว่าในวันที่จำเลยไปหาโจทก์ที่บ้าน โจทก์ไม่ได้พูดโต้ตอบกับจำเลยดังที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.2 ดังนั้น จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยพูดโต้ตอบกับจำเลยตามเสียงที่บันทึกไว้ในแถบบันทึกเสียงหมาย ล.3 พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีเหตุผลดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลยทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ตามฟ้องจริง…”
พิพากษายืน.

Share