คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ขับไล่ออกจากที่ดินพิพาท อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ให้ขับไล่โจทก์ โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงเดิมเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ อ้างว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นโมฆะ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของ โจทก์อันเป็นคำขอในประเด็นข้อพิพาทที่ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยซึ่งศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดมาแล้วในคดีก่อนนั่นเอง ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 จำเลยอ้างว่าจำเลยมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินแปลงนี้และอาศัยเอกสารนั้นฟ้องขับไล่โจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 69/2519 ของศาลชั้นต้น ความจริงเอกสารนั้นทำขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจ จนมีการสอบสวนและได้ความดังกล่าวจึงขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์

ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 69/2519 ของศาลชั้นต้น คดีนั้นนายสมบูรณ์จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนายเอี่ยนหรือเอี่ยมโจทก์เป็นจำเลย ขอให้ขับไล่ออกจากที่ดินพิพาทอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของนายสมบูรณ์ ซื้อมาจากนายแป้นเจ้าของเดิม ซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว นายเอี่ยมต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของตนซื้อมาจากนายแพ้ว ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของนายสมบูรณ์ ให้ขับไล่นายเอี่ยมและบริวาร นายเอี่ยมจึงกลับมาฟ้องนายสมบูรณ์เกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงเดิมเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่ เห็นว่าที่โจทก์อ้างในคดีนี้ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นโมฆะ ผลที่สุดก็ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ อันเป็นคำขอในประเด็นข้อพิพาทที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยซึ่งศาลได้พิพากษาถึงที่สุดมาแล้วในคดีก่อนนั่นเอง ฟ้องโจทก์ต้องห้ามตามมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

พิพากษายืน

Share