คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจสันติบาลจะมีอำนาจสอบสวนได้เพียงไรหรือไม่นั้นต้องเป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับ อันเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบตามกระบวนความ(อ้างฎีกา 921-923/2491)
จำเลยคัดค้านตลอดมาว่าตำรวจสันติบาลไม่มีอำนาจสอบสวน เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบแต่โจทก์หาได้นำสืบหรืออ้างอิงหลักฐานประการใดไม่ ดังนี้ คดีฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบ ศาลจำต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันมี หรือใช้อากรแสตมป์ปลอมและในฟ้องกล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจสันติบาลได้สอบสวนแล้ว จำเลยทั้งสามปฏิเสธความผิด จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า ตำรวจสันติบาลไม่มีอำนาจสอบสวน ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 3 ขอให้การรับตามที่รับชั้นสอบสวน ศาลชั้นต้นฟังว่า ตำรวจสันติบาลมีอำนาจสอบสวนได้ และจำเลยทั้ง 3 มีผิดตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5) 2489 มาตรา 29 ให้ปรับจำเลยที่ 3 2,000 บาท จำเลยที่ 2 1,500 บาท จำเลยที่ 1 1,000 บาท ของกลางริบ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตำรวจสันติบาลจะมีอำนาจสอบสวนได้หรือไม่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับอันเป็นข้อเท็จจริง ที่จะต้องนำสืบตามกระบวนความ คดีนี้ จำเลยได้คัดค้านตลอดมาว่าตำรวจสันติบาลไม่มีอำนาจสอบสวน เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ แต่โจทก์หาได้นำสืบหรืออ้างอิงหลักฐานประการใดไม่ คดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าคดีได้มีการสอบสวนโดยชอบ ศาลต้องยกฟ้อง ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นเมื่อศาลต้องยกฟ้องอันเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยที่ 1 และ 3 ด้วย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางริบ

Share