คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000บาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งที่จำเลยฎีกาว่าสัญญากู้ฉบับลงวันที่14ตุลาคม2529ระหว่างโจทก์กับจำเลยมีอยู่จริงการที่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกเอาพยานเอกสารมาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์และจำเลยกลับฟังแต่คำเบิกความของพยานบุคคลเท่านั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องการรับฟังพยานก็ดีหรือเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าสัญญากู้มีอยู่จริงโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลจึงต้องฟังว่าสัญญากู้มีอยู่จริงก็ดีหรือค่าเสียหายไม่เกินเดือนละ1,000บาทก็ดีล้วนเป็นฎีกาที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากจำเลยหลังจากซื้อขายกันแล้ว จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินพร้อมบ้านมีกำหนด 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญา เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านที่เช่า ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน12,500 บาท และขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านที่เช่า
จำเลยให้การว่า การซื้อขายที่ดินและบ้านที่โจทก์อ้างเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะมิได้มีเจตนาซื้อขายกันจริง ๆโจทก์ไม่เสียหายและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยและสัญญาเช่าไม่มีผลบังคับจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรมนายมงคล โคจรนา ผู้จัดการมรดกของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 158 หมู่ที่ 11 ตำบลลำนารายณ์ อำเภอขัยบาดาลจังหวัดลพบุรี ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน12,500 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญากู้ฉบับลงวันที่ 14 ตุลาคม 2529 ระหว่างโจทก์กับจำเลยมีอยู่จริงการที่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกเอาพยานเอกสารหมาย ล.1 และล.5 ขึ้นมาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์และจำเลย กลับฟัง>แต่คำเบิกความของพยานบุคคลเท่านั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องการรับฟังพยานก็ดีหรือเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าสัญญากู้มีอยู่จริง โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลจึงต้องฟังว่าสัญญากู้มีอยู่จริงก็ดี หรือค่าเสียหายไม่เกินเดือนละ 1,000 บาทก็ดีรวมทั้งฎีกาข้ออื่นของจำเลยล้วนเป็นฎีกาที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและการกำหนดค่าเสียหายของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยมาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share