แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ เท่ากับว่าผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้ออ้างในประเด็นแห่งคดีที่ผู้ร้องนำมาฟ้อง เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีของผู้ร้องนั้นแล้ว ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 148 และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 148 (1) เพราะมาตรา 288 ให้ศาลพิจารณาชี้ขาดคดีคำร้องขัดทรัพย์นั้นเหมือนคดีธรรมดา คำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคำร้องซ้ำ
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินมือเปล่าตาม ภ.บ.ท.๕ หน่วยที่ ๑ หน้าสำรวจ ๔๐๗ เนื้อที่ ๑๑ ไร่ ๑ งาน ๙๐ตารางวา หมู่ที่ ๔ ตำบลเจาทอง กิ่งอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ เพื่อขายทอดตลาดผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ทรัพย์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร้องที่ซื้อมาจากนางสุคนธ์ มหาทน มิใช่ของจำเลยที่ ๒ ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีก่อนศาลยกคำร้องเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์อีกซึ่งเป็นประเด็นเดียวกัน คู่ความเดียวกัน และศาลมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำ ให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏจากสำนวนร้องขัดทรัพย์ของศาลชั้นต้นสาขาคดีหมายเลขแดงที่ ๑๑๕/๒๕๓๗ ว่า ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขัดทรัพย์รายเดียวกันนี้มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๘ ถึงวันนัดไต่สวน ทนายผู้ร้องและพยานไม่มาศาล ศาลถือว่าไม่มีพยานมาสืบตามคำร้องและมีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๓๘ ผู้ร้องไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุด ต่อมาวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่เป็นคดีนี้
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ เท่ากับว่าผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้ออ้างในประเด็นแห่งคดีที่ผู้ร้องนำมาฟ้อง เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีของผู้ร้องนั้นแล้ว หาใช่ว่าศาลยังมิได้รับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยเนื้อหาในคำร้องขัดทรัพย์ดังที่ผู้ร้องฎีกาไม่ เมื่อศาลได้มีคำสั่งถึงที่สุดแล้วว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดได้ ฉะนั้น ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์ในคดีนี้ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๑๔๘ (๑) เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๘ ให้ศาลพิจารณาชี้ขาดคดีคำร้องขัดทรัพย์นั้น เหมือนคดีธรรมดา คำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคำร้องซ้ำ
พิพากษายืน.