คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยเร่งความเร็วแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายเป็นผู้ขับโดยมิได้ให้สัญญาณเตือนขณะนั้นมีรถยนต์ขับสวนมาจำเลยไม่สามารถขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้พ้นจำเลยบังคับรถยนต์ของตนหลบรถยนต์ที่แล่นสวนทางมาเป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับแต่ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่าผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์อยู่ที่ริมถนนด้านซ้ายมือเพื่อจะข้ามถนนไปเติมน้ำมันข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดไม่ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธลอยๆจึงมิได้หลงต่อสู้ศาลย่อมลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300, 91 พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78,157, 160
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ระหว่าง พิจารณา นาย บุญเลิศ สงดำ บิดา เด็ก ชาย สมชาย สงดำ ผู้ตาย นาย ประสิทธิ์ สงดำ บิดา เด็ก ชาย ภูวนาถ สงดำ ผู้เสียหาย ที่ 1 และ นาง ขำ สีสุก มารดา เด็ก ชาย สมคิด สีสุก ผู้เสียหาย ที่ 2ยื่น คำร้องขอ เข้าร่วม เป็น โจทก์ ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300 พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4)(ที่ ถูก ประกอบ ด้วย มาตรา 157), 78 วรรคหนึ่ง , 160 วรรคหนึ่งความผิด ฐาน ประมาท เป็นเหตุ ให้ ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย ประมาท เป็นเหตุให้ ผู้อื่น ได้รับ อันตรายสาหัส และ ความผิด ฐาน ประมาท เป็นเหตุ ให้ทรัพย์สิน ของ ผู้อื่น เสียหาย เป็น ความผิด กรรมเดียว ผิด ต่อ กฎหมาย หลายบทให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่ง เป็น บทที่ มี โทษหนักที่สุด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ ลงโทษ ฐาน ประมาท เป็นเหตุให้ ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย จำคุก 4 ปี ฐาน หลบหนี จำคุก 3 เดือนให้ เรียง กระทง ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม ลงโทษ จำคุก4 ปี 3 เดือน
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง พิจารณา และ ลงชื่อ ใน คำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ตาม ฟ้องโจทก์ กล่าว ว่าจำเลย เร่ง ความ เร็ว แซง รถจักรยานยนต์ ที่ ผู้ตาย เป็น ผู้ขับ โดย มิได้ให้ สัญญาณ เตือน ขณะ นั้น มี รถยนต์ ขับ สวน มา จำเลย ไม่สามารถ ขับ รถยนต์ แซงรถจักรยานยนต์ ของ ผู้ตาย ได้ พ้น จำเลย บังคับ รถยนต์ ของ ตน หลบ รถยนต์ที่ แล่น สวนทาง มา เป็นเหตุ ให้ รถยนต์ ของ จำเลย เฉี่ยว ชน รถจักรยานยนต์ที่ ผู้ตาย ขับ แต่ ใน ชั้นพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า ผู้ตาย จอดรถ จักรยานยนต์อยู่ ที่ ริมถนน ด้านซ้าย มือ เพื่อ จะ ข้าม ถนน ไป เติม น้ำมัน ข้อเท็จจริงที่ กล่าว ใน ฟ้อง จึง แตกต่าง กับ ข้อเท็จจริง ตาม ที่ ปรากฎ ใน การ พิจารณาซึ่ง เป็น ข้อแตกต่าง ใน ข้อ สาระสำคัญ และ จำเลย หลงต่อสู้ นั้น เห็นว่าคดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ขับ รถยนต์ ด้วย ความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง แล่น ไป บน ถนน เอเซีย และ เฉี่ยว ชน รถจักรยานยนต์ ที่ ผู้ตาย เป็น ผู้ขับขี่ ข้อแตกต่าง ดังกล่าว เป็น เพียง รายละเอียดไม่ ถือว่า ต่างกัน ใน ข้อสำคัญ ทั้ง จำเลย ก็ ให้การ ปฏิเสธ ลอย ๆจึง มิได้ หลงต่อสู้ ศาล ย่อม ลงโทษ จำเลย ได้ ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share