คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจับเท้าของผู้เสียหายทั้งสองข้างยกขึ้นจนมือขวาของผู้เสียหายลอยสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ศอก แล้วจำเลยผลักตัวผู้เสียหายลงกับพื้นทำให้แขวนขวาของผู้เสียหายหัก ด้วยการเล่นหยอกล้อกัน เป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาท ไม่ใช่กระทำโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นหยอกล้อกับผู้เสียหายเอามือจับข้อเท้าข้างซ้ายของผู้เสียหายดึงขึ้น จนมือของผู้เสียหายสูงจากพื้นดิน 1 ศอก แล้วจำเลยปล่อยทิ้งตัวผู้เสียหายลงพื้นดิน ทำให้แขนขวาของผู้เสียหายหัก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยจับเท้าทั้งสงอของผู้เสียหายยกขึ้นจนกระทั่งมือข้างขวาของผู้เสียหายสูงจากพื้นดินประมาณ1 ศอก แล้วจำเลยผลักตัวผู้เสียหายลงกับพื้น แสดงว่าประสงค์จะให้ร่างกายของผู้เสียหายกระแทกกับพื้น อันเป็นการกระทำที่มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายข้อเท็จจริงทางพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยจับเท้าของผู้เสียหายยกขึ้นแล้วผลักลงกับพื้น ไม่ใช่จำเลยเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย แต่เป็นการกระทำด้วยความประมาทอันเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่าในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมานั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยจับเท้าของผู้เสียหายทั้งสองข้างยกขึ้นจนมือขวาของผู้เสียหายลอยสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ศอก แล้วจำเลยผลักตัวผู้เสียหายลงกับพื้น ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าว จะเป็นการกระทำโดยเจตนาทำร้าย หรือกระทำโดยประมาทอันเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์นั้น พิเคราะห์แล้วการที่จำเลยจับเท้าผู้เสียหายยกขึ้นแล้วผลักให้ตัวตกลงกับพื้นดินนั้น น่าจะเป็นเรื่องของการหยอกล้อกัน ซึ่งตามฟ้องและทางพิจารณาก็ได้ความเช่นนั้นจำเลยอาจจะไม่ทันได้นึกถึงผลว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ผู้เสียหายถึงแขนหัก จำเลยไม่มีเจตนาที่จะทำร้าย หากแต่กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยประมาทตามโจทก์ฟ้องไม่ใช่กระทำโดยเจตนา

พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดี และสถานความผิดมีเหตุที่จำเลยควรได้รับความปราณี จึงให้รอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56จำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30

Share