แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้สัญญาประกันผู้ต้องหาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 172 ซอยสุวรรณสวัสดิ์ฯลฯ ก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ย้ายจากภูมิลำเนาเดิมไปอยู่บ้านเลขที่ 633 ถนนสุขุมวิท ฯลฯ แล้ว และปรากฏจากการติดต่อนัดส่งตัวผู้ต้องหาระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลย แสดงว่าโจทก์ที่ 2 ได้ทราบถึงภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยแล้วด้วยเช่นนี้ การที่โจทก์ฟ้องโดยระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 172 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม จึงมิใช่ภูมิลำเนาจำเลย ครั้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์ก็แถลงศาลว่า ไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด เป็นเหตุให้ศาลเชื่อสั่งให้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 จะถือว่าจำเลยทราบการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วไม่ได้ จำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับเนื่องจากผิดสัญญาประกันผู้ต้องหาโจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย ปรากฏว่าไม่มีตัวจำเลยอยู่ในบ้านตามที่ระบุในฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว และพิพากษาบังคับคดีตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้จำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยย้ายที่อยู่นานแล้ว และโจทก์ก็ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลยดี แต่โจทก์กลับระบุภูมิลำเนาเดิมของจำเลยในคำฟ้อง ทำให้เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและปิดหมายไม่ได้ ต้องใช้วิธีปิดประกาศหนังสือพิมพ์แทนเป็นเหตุให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาถ้าจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแล้ว คำตัดสินชี้ขาดของศาลจะต้องเปลี่ยนไป และก่อนพิพากษาคดีนี้ จำเลยก็นำตัวผู้ต้องหามอบแก่โจทก์แล้ว จำเลยอาจขอลดเบี้ยปรับต่อศาลได้ ขอให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์คัดค้านว่าโจทก์ไม่มีทางทราบได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใดจึงต้องประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมาย ถือว่าจำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจำเลยผิดสัญญาประกันต่อโจทก์ ไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาคดีใหม่ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลสั่งให้ลงโฆษณาหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องทางหนังสือพิมพ์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาคดีนี้ใหม่ตั้งแต่เวลาที่จำเลยขาดนัด โดยจัดให้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้สัญญาประกันผู้ต้องหาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จะระบุว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 172 ซอยสุวรรณสวัสดิ์ แขวงทุ่งมหาเมฆก็ตาม ก็ได้ความจากคำโจทก์ที่ 2 (ชั้นพิจารณาคดีฝ่ายเดียว) ว่า เมื่อถึงวันนัดส่งตัวผู้ต้องหา จำเลยไม่ได้ไปพบหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ ได้มีหนังสือติดต่อหลายครั้ง ขัดข้องส่งให้ไม่ได้เพราะไม่มีตัวผู้รับ จึงได้ออกหมายจับแสดงว่า โจทก์ไม่สามารถติดต่อหรือพบจำเลยได้ ณ ภูมิลำเนาที่แจ้งไว้เดิมเลขที่ 172 จำเลยก็เบิกความว่า ต่อมาได้ไปพบโจทก์ที่ 2 ขอผัดติดตามตัวผู้ต้องหาและขอให้รอการบังคับตามสัญญาประกัน โจทก์ที่ 2 ก็ได้บันทึกไว้ว่าจำเลยรับราชการเป็นครูอยู่โรงเรียนยูมินกงสวยที่ถนนสุรวงศ์ และมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 633 ถนนสุขุมวิท 93 ต่อมาเมื่อโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยก็จ่าหน้าซองว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 633 และเมื่อจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ที่ 2ว่าไปพบโจทก์ที่ 2 ตามนัดไม่ได้เพราะต้องติดตามตัวผู้ต้องหา ก็ระบุว่าเขียนไปจากบ้านเลขที่ 633 จึงฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 ทราบแล้วว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 633 หาได้อยู่ที่บ้านเลขที่ 172 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมไม่ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยระบุในฟ้องว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 172 บ้านดังกล่าวจึงมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยครั้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์ก็แถลงศาลว่าไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด เป็นเหตุให้ศาลเชื่อสั่งให้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 จะถือว่าจำเลยทราบการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วไม่ได้ จำเลยไม่จงใจขาดนัด
พิพากษายืน