คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระพุทธรูปที่จำเลยลักไปหน้าตักกว้าง 5 นิ้ว ตั้งไว้ที่มุมโต๊ะบูชาในห้องของหอสวดมนต์ ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยจะลักพระพุทธรูปนี้ในวัดก็ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติล้างมลทินได้ใช้ บังคับ โดยพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าบรรดาผู้ต้องโทษและได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับ เป็นผู้มิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ ดังนี้เมื่อความผิดที่ศาลจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่พระราชบัญญัติข้างต้นใช้บังคับจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แต่สำหรับโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้นำมาบวกแก่โทษของจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักนาฬิกา ๑ เรือน พระพุทธรูปสุโขทัยปางสมาธิ อันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ๑ องค์ ของวัดคณิกาผลโดยจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนติดตัวและใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ๖ เดือน ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดฐานเสพกัญชาให้จำคุก ๑๕ วัน รอการลงโทษไว้จำเลยกระทำความผิดนี้ภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๑)(๗)(๙), ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง, ๓๓๕ ทวิ,๘๓, ๕๘ และ ๙๒ ฯลฯ เพิ่มโทษและบวกโทษจำเลยตามกฎหมาย ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑)(๗)(๙), ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง, ๓๓๖ ทวิ ฯลฯ จำคุก ๑๒ ปี เพิ่มโทษตามมาตรา ๙๒ หนึ่งในสาม เป็นจำคุก ๑๖ ปี ให้บวกโทษ จำคุก ๑๕ วันที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้ คงจำคุก ๑๖ ปี ๑๕ วัน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พระพุทธรูปบูชาตามฟ้องเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง ๕ นิ้ว ตั้งไว้ที่มุมโต๊ะหมู่บุชาในห้องชั้นบนของหอสวดมนต์มีครอบแก้วครอบไว้ จึงเป็นพระพุทธรูปธรรมดาเช่นพระพุทธรูปบูชาทั่วไป ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคหนึ่ง เมื่อพระพุทธรูปบูชาตามฟ้องมิใช่ทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนแล้ว แม้จำเลยกับพวกจะลักพระพุทธรูปบูชานั้นในวัด การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง
คำขอของโจทก์ให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น ระหว่างศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้พระราชบัญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้ใช้บังคับ มาตรา ๔แห่งพระราชบัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๓๕ และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษความผิดนั้น ๆปรากฏว่าความผิดที่ศาลพิพากษาจำคุกจำเลย ๖ เดือน ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำและพ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๒๔ ซึ่งเป็นวันที่จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ (๑)(๗) และ (๙) ประกอบด้วยมาตรา ๓๓๖ ทวิ ฯลฯ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือนนำโทษจำคุก ๑๕ วัน ที่รอการลงโทษไว้มาบวกตามมาตรา ๕๘ คงจำคุกจำเลย ๗ ปี ๖ เดือน ๑๕ วัน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

Share