คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7162/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ขอให้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบต่อไป เท่ากับขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่จำเลยที่ 1 จึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนของตนมาวางศาลพร้อมกับฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวาง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า นายประจักษ์ซึ่งเป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงของจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารของโจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหาย และนายสมชายถึงแก่ความตาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย… จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี ศาลชั้นต้นอนุญาต
ระหว่างสืบพยานโจทก์ทั้งสี่ ศาลชั้นต้นส่งประเด็นไปสืบพันตำรวจโทสมชาย พยานโจทก์ทั้งสี่ที่ศาลจังหวัดชัยภูมิตามคำขอของโจทก์ทั้งสี่ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานประเด็น จำเลยที่ 1 ไม่ตามประเด็นจึงถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ติดใจถามค้านต่อมาระหว่างสืบพยานจำเลยร่วมวันที่ 13 กรกฎาคม 2541 จำเลยที่ 1 ขอส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยที่ 1 ที่เหลือหนึ่งปากคือพันตำรวจโทสมชายที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันดังกล่าวว่า ได้มีการส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ทั้งสี่ปากพันตำรวจโทสมชายแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ตามประเด็นไป ถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ติดใจถามค้านพยานปากดังกล่าวจึงไม่อนุญาต หลังจากนั้นศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจนเสร็จการพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน… ให้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยร่วมร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 แต่ไม่เกิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบพันตำรวจโทสมชาย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์ทั้งสี่และจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน โจทก์ทั้งสี่และจำเลยร่วมไม่ฎีกา คดีระหว่างโจทก์ทั้งสี่และจำเลยร่วมจึงถึงที่สุด เมื่อจำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ขอให้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบต่อไป เท่ากับขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่ จำเลยที่ 1จึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนของตนมาวางศาลพร้อมกับฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวาง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลยที่ 1 ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share