คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นใบสมัครเข้าทำงานโดยกรอกข้อความในใบสมัครเว้นว่าง ไว้แต่ในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านหลังใบสมัคร จำเลยซึ่งเป็น ผู้อำนวยการบริษัทได้กรอกข้อความลงในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ภายหลังจากที่บริษัทได้มีคำสั่งอนุมัติให้โจทก์เข้า ทำงานแล้ว แต่จำเลยกระทำไปตรงตามเงื่อนไขและข้อตกลงที่ทำไว้กับโจทก์ก่อนยื่นใบสมัครทั้งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการและระเบียบข้อบังคับของบริษัท เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์และเมื่อข้อความที่จำเลยกรอกนั้นตรงตามที่ได้ตกลงกับโจทก์ไว้ จำเลยก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกรอกข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่มีอำนาจลงในใบสมัครงานโจทก์ ที่สมัครงานที่บริษัทโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะจำกัด แผ่นหลังด้านล่างในช่องเจ้าหน้าที่ว่า ทดลองงาน 3 เดือนและสรุปผล ลงหุ้นสองแสนบาทก่อน แสนบาทเงินสด อีกหนึ่งแสนบาทผ่อนเดือนละหมื่น ทำหน้าที่ขายหุ้นของโรงพยาบาลให้ได้มากที่สุดทดลองงานเริ่ม 1 กรกฎาคม 2527 ถึง 30 กันยายน 2527 บรรจุ 30กันยายน (ที่ถูกเป็นกรกฎาคม) 2527 ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการเงินเดือน 12,000 บาท ความจริงเอกสารดังกล่าวไม่มีการกรอกข้อความใด ๆ ในช่องดังกล่าวขณะที่โจทก์สมัครงาน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องไว้ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำคุก 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2527 โจทก์ได้ยื่นใบสมัครเข้าทำงานต่อบริษัทโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ จำกัด จำเลยเป็นผู้อำนวยการบริษัทดังกล่าวได้กรอกข้อความในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านหลังใบสมัครปรากฏข้อความตามเอกสารหมาย จ.4 ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ยื่นใบสมัครโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ตามที่ระบุไว้ในใบสมัครเอกสารหมาย จ.4 จำเลยได้กรอกข้อความเติมเงื่อนไขที่ด้านหลังใบสมัคร หลังจากวันที่จำเลยมีคำสั่งอนุมัติให้โจทก์เข้าทำงานซึ่งจำเลยหมดอำนาจที่จะกระทำได้ ทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 นั้น เห็นว่า ตามคำเบิกความของโจทก์ ก่อนที่โจทก์จะยื่นใบสมัครเข้าทำงานได้พบกับจำเลยและได้ตกลงยื่นใบสมัครเข้าทำงานต่อจำเลยในวันที่ 30 มิถุนายน 2527โจทก์ได้เข้าทำงานในวันที่ 30 มิถุนายน 2527 เป็นต้นมา เมื่อโจทก์เข้าปฏิบัติงานโจทก์ได้ทราบว่าบริษัทมีระเบียบเกี่ยวกับการรับพนักงานเข้าทำงานว่า ต้องมีการทดลองงานอย่างน้อย 3-6 เดือนและในการรับพนักงานรายอื่นโจทก์เคยได้รับมอบหมายให้กรอกข้อความลงในใบสมัครในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ระบุเงื่อนไขว่า ให้ทดลองงานตามระเบียบของบริษัท เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถและความประพฤติของพนักงาน ทั้งได้ความด้วยว่าเมื่อโจทก์ยื่นใบสมัครเข้าทำงานแล้ว โจทก์จึงได้ซื้อหุ้นของบริษัทโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ จำกัดจำนวน 50,000 บาท สอดคล้องกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านใบสมัครเอกสารหมาย จ.4 น่าเชื่อว่าก่อนโจทก์เข้าทำงาน โจทก์ทราบดีว่า จำเลยได้กำหนดให้โจทก์ยื่นใบสมัครโดยมีเงื่อนไขให้โจทก์ทดลองงานและมีข้อตกลงให้โจทก์ซื้อหุ้นของบริษัทพร้อมทั้งช่วยขายหุ้นของบริษัทด้วย การที่จำเลยได้กรอกข้อความในช่องเฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านหลังใบสมัครเอกสารหมาย จ.4 ก็เป็นการกระทำตามที่จำเลยได้ตกลงกับโจทก์ทั้งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการและระเบียบข้อบังคับของบริษัท ซึ่งเป็นแบบฟอร์มที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้กรอกข้อความโดยกำหนดเงื่อนไขลงในใบสมัครเข้าทำงานดังกล่าว ดังนั้นแม้จำเลยจะกระทำภายหลังจากที่ได้มีคำสั่งอนุมัติให้โจทก์เข้าทำงานแล้ว ก็ถือได้ว่า เป็นการกระทำโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ ซึ่งเมื่อมีข้อความตรงตามที่ตกลงกัน ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share