แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง นายจ้างไล่ลูกจ้างออกจากงานได้หากลูกจ้างประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การที่ลูกจ้างพกพาอาวุธปืนและนำไปจ่อหน้าอกเด็กชาย ต. ในขณะที่ลูกจ้างมึนเมาสุรา กระสุนปืนลั่นโดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กชาย ต.ถึงแก่ความตาย ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ และลูกจ้างยังถูกลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อีกกระทงหนึ่งซึ่งศาลได้พิพากษาจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้อีกเช่นเดียวกันกรณีดังกล่าวถือได้ว่าลูกจ้างได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุที่นายจ้างจะไล่ออกจากงานได้ตามระเบียบดังกล่าวแล้ว การเลิกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม และนายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์และมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานโดยกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ จำเลยอาศัยเหตุที่โจทก์กระทำความผิดโดยประมาทลงโทษทางวินัยซึ่งมิใช่การประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โจทก์ดื่มสุราที่บ้านของโจทก์และไม่เคยถูกตักเตือนการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ และเลิกจ้างโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิมหรือให้จ่ายเงินบำเหน็จ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและเงินเดือนระหว่างพักงานพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ เพราะโจทก์กระทำความผิดอย่างร้ายแรงหลายประการตามคำสั่งเอกสารท้ายฟ้อง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมและเมื่อโจทก์ถูกไล่ออกจึงไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จ จำเลยมีสิทธิไล่โจทก์ออกได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จ จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีสาเหตุ การที่ศาลอาญาพิพากษาว่าโจทก์มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายและรอการลงโทษจำคุกไว้นั้น ตามข้อระเบียบ ฯ ข้อ ๒๔ จำเลยจะลงโทษให้ไล่ออกได้นั้นจะต้องเป็นการกระทำผิดถึงต้องจำคุก เว้นแต่ความผิดฐานลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท การกระทำของโจทก์จึงมิใช่เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ด้วยการไล่ออกโดยอ้างเหตุการณ์กระทำผิดวินัย ๔ ประการ เฉพาะข้อระเบียบ ฯ ข้อ ๒๔ จำเลยได้อ้างเหตุตาม (๔) และ (๖) คือขัดคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชาสั่งโดยชอบ และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงส่วน (๒) คือกระทำผิดถึงต้องคำพิพากษาให้จำคุกเว้นแต่ความผิดฐานลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาทนั้น จำเลยหาได้ยกเป็นข้อกล่าวหาด้วยไม่เนื่องจากกรณีไม่ต้องด้วยความผิดในข้อนี้ แต่การที่โจทก์พกพาอาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงในการทำลายแล้วนำมาจ่อที่หน้าอกของเด็กชายตั้มหรือไพบูลย์ แย้มเอิบสิน ซึ่งมีอายุเพียง ๔ ปีในขณะที่โจทก์มึนเมาสุราอยู่ และแม้ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ก็ดี โจทก์ก็ยังถูกลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาจำคุกแต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นกรณีที่มีความรุนแรงมิใช่น้อยกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุที่จำเลยจะพึงไล่โจทก์ออกจากงานได้ตามข้อระเบียบดังกล่าว กรณีจึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จ และจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างถูกพักงานด้วย
พิพากษายืน.