คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก 1 อัน ราคา 80 บาท ของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟ โดยทุจริต ดังนี้ พอที่จะเข้าใจได้ว่าทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่ง ในพวกขนของหนีไฟ แล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยต่อต่อสู้คดีได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริงมาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๐ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ขณะเกิดเพลิงไหม้ตลาดบริเวณสี่แยกสวนหมาก ผู้อยู่ใกล้บริเวณเพลิงไหม้จำนวนมากต่างพากันขนของหนีไฟ จำเลยบังอาจอาศัยโอกาสที่มีเพลิงไหม้ ลักกระปุกอัดจารบีโรงสีเล็ก ๑ อัน ราคา ๘๐ บาท ของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟโดยทุจริต เหตุเกิดตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ขอให้ลงโทษจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๒)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่ได้ระบุว่าทรัพย์เป็นของผู้ใด ชื่ออะไร เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ อนึ่ง ของกลางอาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของสละละทิ้งหรือทำตกหล่นหาย จำเลยหยิบเอาไป อาจเป็นผิดฐานอื่น จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี โดยปกติในคดีลักทรัพย์ ฟ้องย่อมต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เพื่อจำเลยจะต่อสู้คดีได้ แต่กฎหมายก็มิได้บังคัดเด็ดขาดว่าต้องระบุชื่อเจ้าทรัพย์เสมอไป เช่น ในกรณีที่ไม่อาจทราบตัวเจ้าของทรัพย์แน่นอนได้ คดีนี้ฟ้องกล่าวว่า ผู้อยู่ใกล้บริเวณเพลิงไหม้จำนวนมาก ต่างพากันขนของหนีไฟ จำเลยลักกระปุกอัดจารบีของผู้ขนย้ายสิ่งของหนีไฟ โดยทุจริตดังนี้ พอจะเข้าใจได้ว่า ทรัพย์เป็นของคนใดคนหนึ่งในพวกขนของหนีไฟ แล้วจำเลยบังอาจลักเอาไป เท่ากับฟ้องระบุตัวเจ้าของทรัพย์ไว้พอสมควรที่จำเลยต่อสู้คดีได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ส่วนที่ว่า ของกลางอาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของสละละทิ้ง เพราะเป็นทรัพย์มีราคาเล็กน้อยหรืออาจเป็นทรัพย์ที่เจ้าของทำตกหล่นหายนั้น เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วว่าได้ลักของกลางของผู้ขนของหนีไฟ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษไปได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖ ศาลจะยกเอาข้อสงสัยว่า ที่จำเลยรับอาจไม่ใช่ความจริงมาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share