คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า ผู้เสียหายเรียกตัวยากหาตัวลำบากแถมยังมีราคี เรื่องอื่น ๆ เป็นข้อความที่ แสดงความรู้สึกว่าไม่อาจเรียกตัวผู้เสียหาย หรือพบตัวผู้เสียหายลำบากเท่านั้น มิได้แสดงว่าผู้เสียหายมีราคีมัวหมองในเรื่องใดผู้เสียหายจึงมิได้ถูกใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ส่วนข้อความที่ลงพิมพ์ว่า “เหตุไฉน รัฐมนตรีบัญญัติจึงพูดบิดเบือนความจริง เรื่อง ศาลากลาง สนามกีฬา ทำไมไม่พูดเรื่องกัญชาข้อหาฉกรรจ์เพราะประชาชนข้องใจ แต่ที่จำได้ ส.ส. ขี่ควายไม่อายเท่าใด ส.ส.ค้ายาเสพติดนั่นคือสิ่งที่ประชาชนสนใจ” นั้นประชาชนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ย่อมเข้าใจได้ว่า รัฐมนตรีบัญญัติผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรค้ายาเสพติดให้โทษคือกัญชาซึ่งไม่ตรงกับความจริง จำเลยหาได้ติชมด้วยความเป็นธรรมหรือโดยความสุจริตใจแต่อย่างใดไม่และมิใช่ข้อความที่ไม่เหมาะสม แต่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายค้ายาเสพติดให้โทษ จึงเป็นข้อความที่ใส่ความผู้เสียหายด้วยการแพร่ข่าวสารทางหนังสือพิมพ์โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328, 83 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 4,48 ให้ทำลายหนังสือพิมพ์ของกลาง จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328, 83 เป็นการกระทำผิดสองกรรม ลงโทษจำคุกคนละ3 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท รวมสองกระทงเป็นจำคุกคนละ 6 เดือนปรับคนละ 8,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 3 ปีจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อ “สู้” จำเลยที่ 2 เป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวจริง และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อ “สู้” ได้ลงพิมพ์ข้อความตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องทั้งสองคดีจริง นายบัญญัติบรรทัดฐาน ผู้เสียหายเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ผู้สมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีชื่อบัญญัติเพียงคนเดียว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการลงพิมพ์ข้อความตามที่โจทก์บรรยายฟ้องในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อ “สู้” หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในหัวข้อเรื่องว่า รมต.เสียงตก ที่จำเลยทั้งสองลงพิมพ์ว่า ผู้เสียหายเรียกตัวยากหาตัวลำบากแถมยังมีราคี เรื่องอื่น ๆ นั้น เป็นข้อความที่จำเลยทั้งสองแสดงความรู้สึกว่าไม่อาจเรียกตัวผู้เสียหายหรือพบตัวผู้เสียหายลำบากเท่านั้น จำเลยทั้งสองมิได้แสดงว่าผู้เสียหายมีราคีมลทินมัวหมองในเรื่องใด จึงไม่อาจเข้าใจได้ว่า ผู้เสียหายเป็นคนไม่ดี ไม่ตั้งใจรับใช้ประชาชน…ฯลฯ…ผู้เสียหายจึงมิได้ถูกใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท สำหรับข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดังกล่าว วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2526 ในหัวข้อเรื่องว่า กิจสังคมหาเสียงกันอุตลุด มีข้อความว่า”เหตุไฉนรัฐมนตรีบัญญัติจึงพูดบิดเบือนความจริง เรื่องศาลากลางสนามกีฬา ทำไมไม่พูดเรื่องกัญชา ข้อหาฉกรรจ์เพราะประชาชนข้องใจแต่ที่จำได้ ส.ส.ขี่ควายไม่อายเท่าใด ส.ส.ค้ายาเสพติดนั่นคือสิ่งที่ประชาชนสนใจ” ข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวประชาชนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ย่อมเข้าใจได้ว่า รัฐมนตรีบัญญัติเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ค้ายาเสพติดให้โทษ คือกัญชาไม่ตรงกับความจริง เพราะผู้เสียหายมิได้ค้ายาเสพติดให้โทษ จำเลยทั้งสองหาได้ติชมด้วยความเป็นธรรมหรือโดยความสุจริตใจแต่อย่างใดไม่ และไม่ใช่ข้อความที่ไม่เหมาะสม จำเลยทั้งสองกลับยืนยันข้อเท็จจริงว่า รัฐมนตรีบัญญัติค้ายาเสพติดให้โทษ ข้อความดังกล่าวจึงเป็นข้อความที่ใส่ความผู้เสียหายด้วยการแพร่ข่าวสารทางหนังสือพิมพ์ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง สมดังเจตนาของจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ดังที่โจทก์ฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์บางส่วน ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1192/2528 ของศาลชั้นต้น (สำนวนที่สอง) จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328, 83 จำคุกจำเลยคนละ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share