คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า แล้วชำระภาษีศุลกากร ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่ 1 ตรวจแบบที่ยื่นถูกต้องแล้ว ก็รับเงินภาษีอากรที่โจทก์ชำระนั้น การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นนี้แม้ในส่วนภาษีการค้าจะได้ทำแทนกรมสรรพากรจำเลยที่ 2 ก็หาใช่เป็นการประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 87 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 30 เสียก่อนฟ้องคดี
สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชการจักรมิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่ แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุด จึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี(11) ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ มีหน้าที่เก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพื่อจำเลยที่ ๒ สำหรับสินค้าที่ผู้ประกอบการค้านำเข้ามาในราชอาณาจักรและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีก่อนที่จะมีการออกใบขนสินค้าให้ตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร โจทก์ได้นำเข้าลูกกลิ้งรองตับเตาเผาซิเมนต์แบบหมุนเข้ามาใช้ในโรงงานของโจทก์ ของดังกล่าวเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการผลิตของตนเอง จึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามนัยประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๙ ตรี (๑๑) แต่จำเลยที่ ๑ เรียกเก็บภาษีดังกล่าวจากโจทก์ก่อนปล่อยของเป็นเงิน ๓๔,๒๑๙.๖๔ บาท โจทก์จำต้องเสียภาษีไปก่อนมิฉะนั้นจำเลยที่ ๑ จะไม่ปล่อยของ โจทก์ขอคืนภาษีนี้แล้ว จำเลยทั้งสองไม่คืนให้ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเป็นเงิน ๓๔,๒๑๙.๖๔ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ขอคืนจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑,๙๒๔.๘๓ บาท และนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองร่วมกันให้การว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตของตนเอง โดยสภาพต้องนำเข้ามาเป็นชุดใช้ประกอบกันเป็นเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรนั้นใช้ในการผลิตได้ โจทก์ได้เปิดดำเนินกิจการเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น สินค้าโจทก์นำเข้าตามฟ้องเพื่อสำรองไว้ใช้จึงมิใช่ตัวเครื่องจักรจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๗๙ ตรี (๑๑) เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ เรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลจากโจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว มิได้ปฏิบัติตามพิธีการที่กรมศุลกากรได้ประกาศใช้จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สินค้ารายพิพาทเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตของโจทก์เอง จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามนัยแห่งประมวลรัษฎากร ตาม ๗๙ ตรี(๑๑) พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินภาษี ๓๔,๒๑๙.๖๔ บาท และดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ๑,๙๒๔.๘๓ บาท รวมเป็นเงิน ๓๖,๑๔๔.๔๔ บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีสำหรับต้นเงิน ๓๔,๒๑๙.๖๔ บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สินค้าที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นหมายถึงส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรที่นำเข้าพร้อมกับเครื่องจักรเท่านั้น ลูกกลิ้งที่โจทก์นำเข้านั้นเป็นสินค้าอะไหล่ โจทก์ไม่ได้รับยกเว้นการเสียภาษี พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ในเบื้องต้นเห็นสมควรวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ตามข้อเท็จจริงข้างต้น โจทก์ยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า แล้วขำระภาษีศุลกากร ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่ ๑ ตรวจแบบที่ยื่นถูกต้องแล้ว ก็รับเงินภาษีอากรที่โจทก์ชำระนั้น การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นนี้แม้ในส่วนภาษีการค้าจะได้ทำแทนกรมสรรพากรจำเลยที่ ๒ ก็หาใช่เป็นการประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘๗ ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๓๐ เสียก่อนฟ้อง ฉะนั้น โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีได้
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้านั้นเป็นสินค้าอันได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๙ ตรี (๑) หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เครื่องจักรพร้อมทั้งส่วนประกอบและอุปกรณ์นั้น โจทก์ได้นำเข้ามาในราชการจักรมิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่ แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุด จึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๙ ตรี(๑๑) ไม่
พิพากษายืน

Share