คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1807/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินราคาที่ดินของโจทก์มาแม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์มานั้นเป็นเงินค่าสละสิทธิไม่ซื้อที่ดินคืน ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ทนายความรับเงินมาในฐานะแทนตัวความ มีหน้าที่ต้องมอบเงินคืนแก่ตัวความ
โจทก์ตกลงให้จำเลยซึ่งเป็นทนายซื้อที่ดินคืนในคดีที่โจทก์ฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลย แล้วให้จำเลยขายที่ดินนั้นต่อไป แต่จำเลยกลับตกลงกับบุคคลอื่นนั้น โดยจำเลยสละสิทธิไม่ซื้อที่ดินคืนและรับเงินค่าสละสิทธิมา ถือว่าจำเลยมิได้ทำงานตามที่จ้าง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมนายเม้าได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยเรื่องสัญญาขายที่ดิน โจทก์ตกลงให้จำเลยเป็นทนายแก้ต่าง ต่อมาวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๔๙๘ จำเลยในฐานเป็นทนายของโจทก์ได้รับเงินราคาที่ดินของโจทก์จากนายเม้ามา ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยส่งมอบให้โจทก์เพียง ๑๐,๐๐๐ บาท เงินที่เหลือโจทก์ทวงถามหลายครั้ง จำเลยผัดไปไม่มีสิ้นสุดขอให้บังคับจำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยรับเงินค่าที่ดินของโจทก์จากนายเม้า เพราะโจทก์ไม่มีที่ดินจะให้นายเม้าซื้อ โจทก์ไม่เคยทวงถาม ความจริงโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างจำเลย โดยวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ โจทก์ว่าจ้างจำเลยซื้อที่ดินคืนจากนายเม้า เมื่อซื้อมาแล้วให้จำเลยจัดการขาย โจทก์สัญญาจะให้ค่าจ้างจำเลย ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยจึงติดต่อกับนายเม้าโดยยอมสละสิทธิซื้อที่ดินคืนจากนายเม้า ให้นายเม้าจ่ายเงินตอบแทนการสละสิทธิ ๒๐,๐๐๐ บาท นายเม้าตกลง จำเลยรับเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทมา และแถลงต่อศาลสละสิทธิการซื้อที่ดินคืนจากนายเม้า โจทก์ทราบและให้สัตยาบัน จำเลยจึงมีสิทธิ์รับเงินค่าจ้าง ๒๐,๐๐๐ บาทตามสัญญา จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินค่าจ้าง ๑๐,๐๐๐ บาทแก่จำเลย และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมด้วย
โจทก์ให้การว่าเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทที่จำเลยรับจากนายเม้า เป็นเงินราคาขายสิทธิเรียกร้องจากที่ดินซึ่งจำเลยเป็นผู้ดำเนินการในฐานะเป็นทนายให้โจทก์ ฟ้องแย้งเคลือบคลุม สัญญาที่จำเลยอ้างว่าโจทก์จ้างจำเลยขายที่ดิน เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสอบคู่ความตามรายงานพิจารณาปรากฎว่า
๑.จำเลยรับว่าได้รับเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทไว้จากนายเม้าในฐานะเป็นทนายความโจทก์แทนโจทก์เป็นค่าสละสิทธิไม่ซื้อที่ดินคืนจากนายเม้า
๒.โจทก์จำเลยรับว่า ที่ดินแปลงที่พิพาทกับนายเม้าไม่มีการซื้อคืนจากนายเย้า และไม่ได้ขายที่ดินแปลงนั้นเลย และจำเลยรับว่า เงินที่รับจากนายเม้าเป็นค่าสละสิทธิไม่ซื้อที่ดินคืน ได้มอบคืนแก่โจทก์แล้ว ๑๐,๐๐๐ บาท ยังอยู่ที่จำเลย ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วสั่งงดสืบพยาน พิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมและให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่จำเลยรับจากนายเม้านั้น จะเป็นเงินราคาที่ดินหรือเป็นค่าสละสิทธิไม่ซื้อที่ดินคืน
ก็เป็นเงินรายเดียวกัน จำเลยรับมาในฐานเป็นทนายโจทก์และรับมาแทนโจทก์ จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งคืนให้โจทก์ และงานที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ตกลงจ้างให้ทำเป็นราคา ๒๐,๐๐๐ บาท เมื่อรับกันว่าจำเลยมิได้ซื้อที่ดินคืนจากนายเม้าและเอาที่ดินนั้นมาขายต่อไปถือว่า จำเลยมิได้ทำงานตามที่จำเลยกล่าวอ้าง จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าจ้างและกักเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทไว้ เมื่อจำเลยมีหน้าที่รับผิดต้องส่งเงิน กลับปฏิเสธ จะจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยแต่วันยื่นคำฟ้อง.

Share