คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้อ้างว่าจำเลยกู้เงินไปแล้วไม่ชำระ จำเลยให้การว่าสัญญากู้รายพิพาทเกิดจากโจทก์ขู่เข็ญให้ทำ จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบหักล้างได้ ไม่ถือว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยกู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์ ๒ ครั้งรวมเป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท ตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือนจนกว่าจะครบ นับตั้งแต่กู้ไปจำเลยผ่อนชำระให้เพียง ๔๐,๐๐๐ บาท แล้วไม่ชำระอีก โจทก์ทวงถามแล้วก็ไม่ชำระรวมเป็นเงินต้นที่ค้าง ๔๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเป็นเวลา ๖ เดือน เป็นเงิน ๑,๕๐๐ บาท จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๔๑,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้เงินและรับเงินจากโจทก์ สัญญากู้ท้ายฟ้องทั้งสองฉบับไม่สมบูรณ์ เป็นนิติกรรมอำพราง โจทก์จำเลยเคยมีความสัมพันธ์เป็นส่วนตัวมาก่อน จำเลยเคยให้โจทก์มาอาศัยอยู่กับพี่น้องจำเลย โจทก์จำเลยตกลงสิ้นสุดความสัมพันธ์ต่อกัน และจำเลยแต่งงานกับภรรยาของจำเลย โจทก์บังคับขู่เข็ญให้จำเลยเขียนสัญญากู้อันเป็นนิติกรรมอำพราง ๒ ฉบับ โดยโจทก์ขู่เข็ญว่าจะทำให้จำเลยเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงและการงานของจำเลย นิติกรรมการกู้ยืมเงินจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยชำระเงินให้โจทก์เรื่อยมาเพราะหนี้ทางศีลธรรม และโจทก์ขอมากกว่า ๔๐,๐๐๐ บาท สัญญาไม่ระบุดอกเบี้ยที่โจทก์ให้จำเลยชำระดอกเบี้ย จึงขัดต่อสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน ๔๑,๕๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในต้นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าจำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้หรือไม่ว่า สัญญากู้รายพิพาทเกิดจากโจทก์ขู่เข็ญให้ทำ จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ พิเคราะห์แล้ว ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวเป็นการต่อสู้ว่าไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันตามสัญญากู้และหนี้เงินกู้ไม่สมบูรณ์เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลย จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบหักล้างได้ไม่ถือว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔(ข) แต่อย่างใด การที่ศาลล่างทั้งสองงดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง คดีนี้จำเลยฎีกาเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาคดีใหม่ตามรูปความ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดีจำเลยควรเสียค่าขึ้นศาล ๒๐๐ บาท ตามตาราง ๑ ข้อ ๒ ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๕ แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามา ๑,๐๐๐ บาท จึงเกินอัตราตามกฎหมาย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share