คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ขอให้ลงโทษ
จำเลยทุกคนปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๒ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๓ ปี จำเลยนอกนั้นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๒ ละทงเดียว กำหนดโทษคงเดิม
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายข้อความในฟ้องขึ้น ข. ไว้ชัดว่า วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๔๙๘ เวลากลางวัน จำเลยได้สมคบกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทางมิชอบ บังคับให้นายยาโก๊ะ เอาเงิน ๕๐๐ บาท ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยจะคืนเสื้อผ้าให้แก่นายยาโก๊ะ ๆ ได้มอบเงิน ๕๐๐ บาท แก่จำเลย ๆ ก็คืนเสื้อผ้าเก่า ๆ ให้ฯลฯ ดังนั้น ที่โจทก์กล่าวฟ้องในข้อ ค. ว่า วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๔๙๘ จำเลยสมคบกันยักยอกเอาสิ่งของซึ่งจำเลยได้ยึดไปปกครองรักษาไว้ดังกล่าวในฟ้อง ข้อ ข. ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยมิได้ที่อำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยได้บังอาจสมคบกันทำรายงานเท็จ.. ฯลฯ จำเลยจะคัดค้านว่าโจทก์ไม่ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนในฟ้อง ข้อ ค. จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมหาได้ไม่ เพราะข้อความในฟ้องข้อ ค. ย่อมต่อเนื่องกับฟ้องข้อ ข. ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยกับพวกตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดมีขึ้นในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ภายหลังจากการกระทำที่ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นเวลาเดียวกันนั้นเอง ไม่มีทางที่จะเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ พิพากษายืน

Share