คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ผู้ที่ครอบครองคงมีแต่สิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อสละการครอบครองให้ผู้อื่นเข้าครอบครองเป็นเจ้าของ ผู้นั้นก็ย่อมได้สิทธิครอบครอง
ซื้อที่นามือเปล่าโดยทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนที่อำเภอเมื่อปรากฏว่า ผู้ครอบครองที่นั้นอยู่ได้คัดค้านจนทำการรังวัดไม่ได้ เช่นนี้จะฟังว่าผู้ซื้อซื้อที่นี้ไว้โดยสุจริตไม่ได้ และจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299, 1300 มาคุ้มครองไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับนาของโจทก์กับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์

คดีได้ความว่า นาพิพาทเป็นที่มือเปล่าเดิมเป็นของนายดือแม น้องเขยจำเลย นายดือแมได้ทำหนังสือสัญญาขายนานี้ให้แก่นายสะตาปอเป็นเงิน 100 บาท โดยทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ต่อมาอีก 2 ปี นายดือแมเอาเงินนายแอกาจิไปซื้อกลับคืนมาให้นายแอกาจิทำ ต่อมาอีกได้เอาเงินจำเลยไปไถ่คืนมาจากนายแวกาจิ แล้วยกนาพิพาทให้จำเลย ๆ ได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของมา 10 ปี โดยไม่มีใครเกี่ยวข้องจนเมื่อ พ.ศ. 2490 นายสะตาปอขายนาพิพาทให้โจทก์จำเลยคัดค้านในที่สุดทางอำเภอทำสัญญาซื้อขายให้โจทก์ แต่จำเลยยังคงครอบครองที่นาต่อมา โจทก์จึงฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาพิพาทเป็นที่มือเปล่า ผู้ที่ครอบครองคงมีแต่สิทธิครอบครองเท่านั้นนายสะตาปอได้สละสิทธิครอบครองให้กลับคืนไปเป็นของนายดือแมตามเดิมนายดือแมยกให้จำเลย ๆ ปกครองติดต่อตลอดมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วจำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองโจทก์ผู้รับโอนที่พิพาทจากนายสะตาปอไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองในที่พิพาทเพราะเมื่อโจทก์ไปรังวัดจะซื้อที่พิพาทจำเลยได้คัดค้านไว้จนโจทก์รังวัดไม่ได้ จึงฟังว่าโจทก์ซื้อที่รายพิพาทไว้โดยสุจริตไม่ได้ มาตรา 1299, 1300 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงไม่ช่วยคุ้มครองโจทก์

จึงพิพากษายืน

Share