แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องของโจทก์ซึ่งบรรยายว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำและเป็นผู้มีอาชีพบรรทุกน้ำไปขาย จำเลยเป็นนายจ้างของ ป. ป. ขับรถยนต์นั้นบรรทุกน้ำไปเพื่อขาย ได้ขับรถยนต์โดยประมาท ชน ว. ตาย เป็นการกระทำละเมิดให้โจทก์เสียหาย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วม กับ ป. เป็นฟ้องที่มีข้อหาว่า ป. ลูกจ้างของจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลย ถูกต้องสมบูรณ์แล้ว แม้จะไม่ได้กล่าวระบุข้อความว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยลงไปด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยให้การตั้งประเด็นต่อสู้คดีไว้ว่าจำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดชอบในผลแห่งการกระทำละเมิดของ ป. ในขณะเกิดเหตุรถยนต์บรรทุกน้ำของจำเลยอยู่ในความครอบครองรับผิดชอบของผู้อื่นเช่าซื้อไป จำเลยมิได้เป็นนายจ้างของ ป. และมีได้มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน หาได้ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการกระทำละเมิดของ ป. เพราะ ป. มิได้ทำการในทางการที่จ้างของจำเลยไม่ การนำสืบของจำเลยในข้อนี้จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น รับฟังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของนางสาววารุณี จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำหมายเลขทะเบียน ก.จ.๐๗๖๔๙ และเป็นผู้มีอาชีพบรรทุกน้ำไปขาย จำเลยเป็นนายจ้างนายประเสริฐ ผู้ขับขี่รถยนต์คันนี้ นายประเสริฐขับรถยนต์ดังกล่าวบรรทุกน้ำเพื่อนำไปขาย ได้ขับไปตามถนนเพชรเกษม จากทางบางไผ่ มุ่งหน้าไปทางบางแคด้วยความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง กล่าวคือขับไปด้วยความเร็วสูง มากจนไม่สามารถหยุดได้ทัน เมื่อเห็นรถวิ่งอยู่ข้างหน้า ชะลอความเร็วเพื่อหยุดให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย นายประเสริฐจึงหักพวงมาลัยรถบรรทุกคันดังกล่าวไปทางขวา เป็นเหตุให้รถคันที่นายประเสริฐขับพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนนและเสาไฟฟ้าสัญญาจราจร แล้วไปชนนางสาววารุณีซึ่งยืนอยู่บนเกาะกลางถนนตรงทางข้ามถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น ๑๒๘,๔๔๐ บาท จำเลยในฐานนายจ้างของนายประเสริฐ จะต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับนายประเสริฐในผลของการละเมิดซึ่งนายประเสริฐ ลูกจ้างก่อขึ้นต่อโจทก์ขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๑๒๘,๔๔๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องวันชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำตามฟ้อง จริง แต่ในขณะเกิดเหตุ รถยนต์บรรทุกน้ำคันนี้อยู่ในความครอบครองรับผิดชอบของบุคคลอื่นซึ่งเช่าซื้อรถคันนี้ไป จำเลยมิได้ เป็นนายจ้างของนายประเสริฐและไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดต่อกัน เหตุรถยนต์ชนนางสาววารุณีตายเกิดเพราะความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง ของนางสาววารุณี ซึ่งวิ่งข้ามฟากจากถนนฟากหนึ่งไปยังเกาะกลางถนนเพื่อข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ของถนนในที่ซึ่งไม่ใช่ทางม้าลายสำหรับคนข้ามตัดหน้ารถยนต์บรรทุกน้ำดังกล่าวซึ่งเป็นรถหนักและวิ่งมาด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายสูงเกินความจริง ค่าเสียหายของโจทก์ ทั้งสิ้นไม่เกิน ๑๖,๐๐๐ บาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ได้บรรยายว่าขณะเกิดเหตุนายประเสริฐ ขับขี่รถยนต์บรรทุกน้ำตามฟ้อง ขายให้ใคร เพื่อประโยชน์ในธุรกิจทางการที่จ้างหรือการค้าของผู้ใด อันเป็นองค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับการรับผิดในผลละเมิดของบุคคลอื่นทำให้จำเลยไม่สามารถให้การต่อสู้คดีของโจทก์โดยชัดแจ้งได้ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๗๐,๘๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งนับแต่วันละเมิด จนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น ๖๘,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายว่าฟ้องว่า นายประเสริฐขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ก.จ. ๐๗๖๔๘ บรรทุกน้ำไปขายเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลย ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์และเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่า ฟ้องของโจทก์ซึ่งบรรยายว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำหมายเลขทะเบียน ก.จ. ๐๗๖๔๘ และเป็นผู้มีอาชีพบรรทุกน้ำไปขาย จำเลยเป็นนายจ้างของ นายประเสริฐ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๐ เวลาประมาณ ๑๓ นาฬิกา นายประเสริฐได้ ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.จ. ๐๗๖๔๘ บรรทุกน้ำไปเพื่อขาย ได้ขับรถยนต์โดยประมาท ชน นางสาววารุณีตาย เป็นการกระทำละเมิดให้โจทก์เสียหาย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วม กับ นายประเสริฐเป็นฟ้องที่มีข้อหาว่า นายประเสริฐลูกจ้างของจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลย ถูกต้องสมบูรณ์แล้ว แม้จะไม่ได้กล่าวระบุข้อความว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยลงไปด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ที่จำเลยฎีกาว่า นายประเสริฐ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกน้ำ ของจำเลยไปเกิดเหตุเพราะนายประเสริฐ ขับไปหาภรรยาของนายประเสริฐที่บางแคในเวลาหยุดพัก โดยจำเลยไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย การกระทำของนายประเสริฐจึงมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง หากแต่เป็นการกระทำในกิจการส่วนตัวของนายประเสริฐเอง จำเลยจึงไม่ต้องร่วมกับผิดด้วยนั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลยให้การตั้งประเด็นต่อสู้คดีไว้ว่าจำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดชอบในผลแห่งการกระทำละเมิดของนายประเสริฐในขณะเกิดเหตุรถยนต์บรรทุกน้ำของจำเลยอยู่ในความครอบครองรับผิดชอบของผู้อื่นเช่าซื้อไป จำเลยมิได้เป็นนายจ้างของ นายประเสริฐ และมิได้มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน หาได้ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการกระทำละเมิดของ นายประเสริฐเพราะ นายประเสริฐมิได้ทำการในทางการที่จ้างของจำเลยไม่ การนำสืบของจำเลยในข้อนี้จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น รับฟังไม่ได้เมื่อรถยนต์จำเลยชนนางสาววารุณีและนายพยุงแล้วรถยนต์ก็พลิกคว่ำลง มีน้ำไหลออกมาจากรถนองถนน แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถยนต์จำเลยชนนางสาววารุณีเกิดขึ้นในขณะนายประเสริฐขับรถยนต์ของจำเลยขนน้ำไปขายตามหน้าที่ที่ได้รับจ้างจำเลยผู้มีอาชีพขายน้ำนั่นเอง จึงฟังได้ว่า นายประเสริฐขับรถยนต์จำเลยไปตามทางการที่จ้างของจำเลย ตามฟ้อง
และศาลฟังข้อเท็จจริงว่านายประเสริฐขับรถโดยประมาท ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
พิพากษายืน